วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2559

เครื่องสำอางค์ออร์แกนิกมีจริงหรือ?


บ่อยครั้งที่เราเดินเลือกซื้อเครื่องสำอางตามซูเปอร์- มาร์เก็ต เชื่อว่าใครที่เป็นคนฉลาดซื้อ ฉลาดใช้ คงต้องหยิบ เครื่องสำอางเหล่านั้นขึ้นมาพลิกอ่านข้อมูลที่จำเป็นต่อการ ตัดสินใจบนฉลากอย่างถี่ถ้วน เพราะการเสียเวลาแค่ 2- 3 นาที เราก็สามารถรับรู้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเรา ซึ่งเป็นเรื่อง ที่สำคัญมาก โดยเฉพาะข้อมูลของ วัน เดือน ปี ที่ผลิต และ วันหมดอายุ (ถ้ามี) เพื่อให้ทราบว่าสินค้าที่เราเลือกใช้ยังคงมีประสิทธิภาพตลอดระยะเวลาการใช้ ชื่อผู้ผลิต เพื่อที่จะ สามารถแจ้ง หรือร้องเรียนในกรณีที่ใช้ผลิตภัณฑ์แล้วเกิด อาการแพ้สารต่างๆ ที่ใช้เป็นส่วนผสม เพื่อจะได้เลี่ยงการใช้สารที่เราแพ้หรืออาจเป็นอันตรายต่อตัวเรา คำเตือนต่างๆ เพื่อจะได้ระมัดระวัง และใช้ผลิตภัณฑ์ได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้ ชื่อเครื่องสำอางก็เป็นสิ่งหนึ่งที่มีผลต่อการตัดสิน-ใจในการเลือกซื้อของเรา
โดยเฉพาะในปัจจุบัน ที่ทั่วโลกให้ความสนใจกับการดูแลสิ่งแวดล้อมมากขึ้น จึงมีแนวโน้มที่ผู้ผลิต จะผลิตสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (eco-friendly products) เพิ่มสูงขึ้น ธุรกิจเครื่องสำอางก็เช่นกัน ที่ไม่พลาดโอกาสที่จะนำเสนอแนวความคิดนี้ มาปรับใช้กับเครื่องสำอาง ตัวอย่างที่ เรามักเห็นได้ง่ายๆ จากชื่อผลิตภัณฑ์ที่มีคำว่า “ออร์แกนิก” (Organic) ซึ่งมักจะดึงดูดความสนใจผู้ใช้ได้มากเป็นพิเศษ แต่เครื่องสำอางออร์แกนิกมีจริงหรือ และหมายถึงสิ่งใด
ความหมายของเครื่องสำอางออร์แกนิก
โดยทั่วไป “ออร์แกนิก” มักหมายถึง สารที่มีคาร์บอน เป็นองค์ประกอบ (Any compound containing carbon) ซึ่งคาร์บอนนั้นเป็นส่วนประกอบของสิ่งมีชีวิต และไม่มีชีวิต จำนวนมาก ดังนั้น ความหมายของ “ออร์แกนิก” ในมุมมองนี้ จึงมีความหมายกว้างมากครอบคลุมทุกสิ่งทุกอย่าง แต่อีก ความหมายหนึ่งของ “ออร์แกนิก” หรือเกษตรอินทรีย์ใน ทางวิชาการเกษตร หมายถึง ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่ไม่ใช้ ปุ๋ยเคมี ยาปราบศัตรูพืช การฉายรังสี และไม่ใช้สายพันธุ์ที่ ตัดต่อพันธุกรรม ถ้าเป็นการปศุสัตว์แบบออร์แกนิก ก็ต้อง เลี้ยงด้วยอาหารสัตว์ชนิดออร์แกนิกด้วยเช่นกัน ห้ามเจือปนอาหารจากแหล่งอื่นและห้ามใช้ยาปฏิชีวนะ ซึ่งความหมาย อย่างหลัง ได้ถูกนำมาใช้แพร่หลายในหลายผลิตภัณฑ์ รวมทั้ง เครื่องสำอางด้วย แต่อย่างไรก็ตาม คำนิยามเกี่ยวกับเครื่อง สำอางออร์แกนิกในหลายๆ ประเทศ รวมทั้งประเทศไทย ก็ยังคงไม่ชัดเจน
ข้อดี – ข้อเสียของเครื่องสำอางออร์แกนิก
เนื่องจากยังไม่มีคำนิยามที่ชัดเจนของเครื่องสำอางออร์แกนิก จึงไม่สามารถกล่าวถึงข้อดี – ข้อเสีย ของเครื่องสำอาง ชนิดนี้ได้ แต่ถ้าเรามองในมุมของผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกโดย ทั่วไป ข้อดีของผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ คือการที่ผลิตภัณฑ์นั้นปลอดจากยาฆ่าแมลงที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในพืช ผักและ ผลไม้แทบทุกชนิด แต่เนื่องจากผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกอาจจะราคาแพงกว่าผลิตภัณฑ์ทั่วไปในประเภทเดียวกัน จึงเป็น ข้อเสียอย่างหนึ่งที่ทำให้การใช้ผลิตภัณฑ์นี้ จำกัดอยู่ในคน เพียงบางกลุ่มเท่านั้น ซึ่งความจริงแล้ว หากมองในระยะยาว แนวคิดออร์แกนิกนั้น มีประโยชน์และมีข้อดีมากต่อตัวเรา และสิ่งแวดล้อม ซึ่งอาจสรุปได้ย่อๆ ดังนี้
  1. ช่วยลดการเพิ่มสารพิษในอากาศ น้ำ ดิน และร่างกายของเรา (Reduce the Toxic Load: Keep Chemicals Out of the Air, Water, Soil and our Bodies).
    2. ในกรณีที่ไม่สามารถกำจัดให้มลพิษนั้นหมดไป แต่ก็สามารถลดมลพิษทางเกษตรกรรมได้ (Reduce if not Eliminate Off Farm Pollution)
    3. ป้องกันสารพิษไม่ให้ตกทอดไปสู่เยาวชนรุ่นหลัง (Protect Future Generations)
    4. ฟื้นฟูให้ดินกลับคืนสู่ความอุดมสมบูรณ์ (Build Healthy Soil)
    5. รสและกลิ่นของผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรดีขึ้น (Taste Better and Truer Flavor)
การดูแลผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกในประเทศไทย
ถึงแม้ว่า หลายประเทศจะยังไม่มีคำนิยามของ เครื่องสำอางออร์แกนิก แต่ก็กำหนดให้การกำกับดูแลผลิตภัณฑ์ ออร์แกนิก หรือผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์ รวมถึงการรับรอง ผลิตภัณฑ์ (Certification) อยู่ภายใต้การดูแลของกรมวิชาการ- เกษตรของแต่ละประเทศ ที่กำหนดให้ คำว่า “ออร์แกนิก” ใช้ได้เฉพาะกับสินค้าเกษตร (รวมถึงสัตว์น้ำที่จับจากแหล่ง ธรรมชาติ และที่มาจากการเพาะเลี้ยง และอาหารสำหรับ เลี้ยงปศุสัตว์) ที่เป็นสินค้าดิบและที่ผ่านกระบวนการแล้ว ทั้งนี้ รวมถึงผลิตภัณฑ์เกษตรที่นำมาใช้ลักษณะเป็นเครื่องปรุง (Ingredient) ที่ได้รับการผลิตและการจัดการเป็นไปตามกฎ- ระเบียบที่กรมวิชาการเกษตรได้กำหนดไว้แล้วเท่านั้น ได้แก่
  1. เนื้อสัตว์ เนื้อสัตว์ปีก และไข่ มาจากสัตว์ที่ไม่ได้ถูกให้ฮอร์โมนช่วยในการเติบโตหรือยาปฏิชีวนะต่างๆ ยกเว้น การให้อาหารเสริมประเภทไวตามินหรือแร่ธาตุ ได้รับการเลี้ยงดู ด้วยอาหารสัตว์ที่เป็น “ออร์แกนิก” และในสภาพที่สัตว์มี เสรีภาพในการเคลื่อนที่ไปไหนๆ ได้อย่างเป็นอิสระ
    2. เป็นสินค้าที่ไม่ผ่านการตกแต่งแก้ไขทางพันธุกรรม หรือการฆ่าเชื้อโรคโดยการฉายรังสี เป็นธัญพืชที่ได้รับการ ปลูกบนผืนดินที่ไม่มีการใส่ปุ๋ยเคมีหรือปุ๋ยที่เป็นมูลสัตว์ การรักษาสภาพของดินกระทำโดยการเปลี่ยนชนิดของธัญพืช ที่ปลูก ปลูกพืชคลุมดินหรือการใช้ปุ๋ยที่มาจากพืชและสัตว์
    3. ศัตรูพืชและโรคพืชได้รับการรักษาโดยการใช้ แมลงที่เป็นศัตรูพืชของแมลงที่กำลังทำอันตรายต่อพืช หรือ การดักจับ การใช้วิธีทางธรรมชาติในการขับไล่
    4. สารที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้นที่สามารถนำมาใช้ได้ในการผลิตพืชผลหรือการเลี้ยงสัตว์ที่เป็นออร์แกนิก เช่น Alcohol, Ethanol, Calcium hypochlorite, Chlorine dioxide, Sodium hypochlorite, Hydrogen peroxide, Elemental sulfur, Lime sulfur และSulfur dioxide เป็นต้น ทั้งนี้จะมีการกำหนดไว้ว่าสารชนิดใดใช้กับการผลิตสินค้าประเภทใดหรือใช้ในลักษณะใด
    5. การกำจัดวัชพืชกระทำด้วยวิธีการพรวนดิน ใช้มือ เก็บ ใช้เครื่องมือ หรือการคลุมดินและไม่ใช้สารเคมี
    6. ไม่มีการผสมสาร Sulfites, Nitrates หรือ Nitrites ในระหว่างขบวนการผลิตหรือจัดการ ทั้งนี้ยกเว้น ไวน์ที่มีการ ผสม Sulfitesอาจจะระบุบนฉลากได้ว่า “made with organic grapes”
    7. ไม่มีการใช้เครื่องปรุงชนิดเดียวกันแต่ในรูปที่ต่างกัน คือ ทั้งที่เป็นออร์แกนิก และไม่ได้เป็นออร์แกนิก
สำหรับ เครื่องสำอาง ยังไม่มีข้อกำหนด (Regulations) ใดที่ห้าม ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่ออร์แกนิก (Non-organic products) ระบุบนฉลากว่า เป็นสินค้าออร์แกนิก แต่ฉลากและข้อมูลความ ปลอดภัยของผลิตภัณฑ์นั้นที่นำมาใช้เป็นเครื่องสำอาง จะต้อง ปฏิบัติตามกฎหมายเครื่องสำอางให้ครบถ้วน จากข้อมูลของ National Organic Program (NOP) 7 CFR Part 205 ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้กำหนดระดับของผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก ออกเป็นกว้างๆ 3 ระดับ ซึ่งต่อมาประเทศในแถบยุโรปก็ใช้ เกณฑ์เดียวกันนี้ในการจำแนกเครื่องสำอางออร์แกนิกในยุโรป เช่นกัน อันได้แก่
1) ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก ที่อาจมีส่วนผสมที่ไม่ใช่ ออร์แกนิกได้ไม่เกิน 5% โดยน้ำหนัก แต่ส่วนผสมที่ไม่ใช่ ออร์แกนิกนั้น จะต้องอยู่ในรายการที่อนุญาตให้ใช้
2) ในกรณีที่มีส่วนประกอบที่เป็นออร์แกนิกเพียง 70-95% โดยน้ำหนัก ผลิตภัณฑ์นั้นไม่สามารถติดฉลากว่า เป็นผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก แต่สามารถระบุปริมาณส่วนประกอบ ออร์แกนิกบนฉลากได้ เช่น โลชั่นนี้ประกอบด้วย
ส่วนผสม ของพืชออร์แกนิก (body lotion made with organic herbs) และ
3) ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบที่เป็นออร์แกนิก น้อยกว่า 70% โดยน้ำหนักผลิตภัณฑ์นั้นห้ามติดฉลากว่าเป็นผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกโดยเด็ดขาด
สำหรับประเทศไทย พระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2535 ไม่ได้มีนิยามของเครื่องสำอางออร์แกนิก ผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอางทุกชนิด ทุกประเภท ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย เครื่องสำอาง ซึ่งรวมถึงข้อกำหนดเรื่องสารที่อาจใช้และ สารห้ามใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง ฉลาก และ โฆษณาด้วย อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเราจะยังไม่มีนิยามของ เครื่องสำอางออร์แกนิก แต่สำนักงานมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ก็เป็นหน่วยงานที่สามารถตรวจสอบและรับรองผลิตภัณฑ์ เกษตรอินทรีย์ (Organic products)หรือที่เราเรียกผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกตามมาตรฐานสากลสำหรับผลิตภัณฑ์ ทางการเกษตรได้ ซึ่งผู้สนใจสามารถศึกษารายละเอียดจากwebsiteของกรมวิชาการเกษตรที่ http://it.doa.go.th/org…/organic/testimonial/whyrubrong.html
จากข้อมูลข้างต้น คงพอตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับ เครื่องสำอางออร์แกนิกได้บ้างว่ามีความเป็นไปได้มากน้อย แค่ไหน เพราะตามข้อเท็จจริงแล้ว เครื่องสำอางจำเป็นต้องมีส่วนประกอบที่เป็นสารเคมีอยู่บ้าง เช่น สารทำอิมัลชั่น (Emulsifiers) เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ไม่แยกชั้น มีความคงตัวที่ดี และสารกันเสีย (Preservatives) เพื่อป้องกันการเจริญของเชื้อ จุลินทรีย์ สาระสำคัญเหล่านี้ทำให้เครื่องสำอางคงสภาพความ เป็นเครื่องสำอางที่ปลอดภัยตลอดอายุการใช้งาน อย่างไร- ก็ตาม ตามกฎหมายของผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก ถ้าสารเหล่านี้ไม่อยู่ในรายการสารที่อนุญาตให้ใช้เป็นส่วนประกอบในผลิต- ภัณฑ์ออร์แกนิก ก็จะไม่สามารถอ้างได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ออร์-แกนิก
ในส่วนของผู้บริโภค หากต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ ออร์แกนิก คงจะพิจารณาจากชื่อและรูปลักษณ์ภายนอกแต่เพียงอย่างเดียวไม่ได้ การเลือกซื้อต้องอ่านฉลาก ศึกษาข้อมูล สังเกตเครื่องหมายรับรองผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกซึ่งมีความหลากหลายและแตกต่างกันในแต่ละประเทศ
ในด้านเครื่อง- สำอาง กฎหมายกำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าต้องแสดงรายการ สารที่เป็นส่วนผสมที่ใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์ทุกรายการบนฉลากด้วย แต่ไม่จำเป็นต้องแสดงปริมาณของสารแต่ละ รายการ ทำให้หลายผลิตภัณฑ์ที่อ้างว่าเป็นเครื่องสำอางออร์แกนิก แต่ส่วนผสมที่ใช้ส่วนใหญ่อาจเป็นสารเคมีเกือบทั้งสิ้น ทำให้ผู้บริโภคอาจเข้าใจผิดในสาระสำคัญของผลิตภัณฑ์ได้ เช่น ชื่อผลิตภัณฑ์มีคำว่า “Organics” หรือ “ออร์แกนิก” แต่มีสารที่เป็นพืชเพียงตัวเดียว ซึ่งในกรณีนี้ ถ้าผู้บริโภครู้เท่าทัน พลิกดูรายละเอียดในส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ ก็จะสามารถเข้าใจและตัดสินใจว่าจะซื้อหรือไม่ได้ทันที
ซึ่งผลิตภัณฑ์ “ชาร์ม” เป็นผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกที่แสดงรายการสารที่เป็นส่วนผสมอย่างชัดเจน จึงมั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกาย“ชาร์ม”เป็นผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกที่ปลอดภัยไร้สารเคมีอย่างแท้จริงและในวันนี้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว“ชาร์ม”ไม่ว่าจะเป็นครีมบำรุงผิว ครีมบำรุงส้นเท้า ลูกกลิ้งบำรุงและระงับกลิ่นกาย สเปรย์ระงับกลิ่นเท้า และผลิตภัณฑ์ป้องกันยุง มีวางจำหน่ายแล้วที่ Se-ed online shopping ท่านสามารถติดตามผลิตภัณฑ์ต่างๆของ“ชาร์ม”ได้ที่ https://goo.gl/QWnvRU
ขอบคุณข้อมูลจาก : วารสารอาหารและยา : กันยายน-ธันวาคม 2554
จินตนา ศุภศรีวสุเศรษฐ์
กลุ่มควบคุมเครื่องสำอางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น