คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” เล่มที่ 42 วันนี้ จะมาคุยถึงหนังสือชื่อ “หนึ่งคนตาย ล้านคนตื่น” ของท่านว.วชิรเมธีค่ะ
=ภาพรวม=
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือ “ศิลปะการเตรียมตัวตายให้สบายอย่างพุทธ” ค่ะ เกิดขึ้นจากการรวบรวมธรรมบรรยายของท่านว.เรื่องความตาย มรณสติ และการเจริญสติค่ะ
ถ้าท่านเป็นแฟนพันธ์แท้หนังสือท่านว. ท่านอาจจะเคยผ่านตาเนื้อหาในบทแรก ๆ มาบ้างแล้วนะคะ ซึ่งเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับการเจริญมรณสติในรูปแบบต่างๆความรู้จากงานศพ และเรื่องเล่าให้ข้อคิดเกี่ยวกับความตายของบุคคลต่างๆ ตั้งแต่สมัยพุทธกาลมาจนยุคปัจจุบันค่ะ
ถ้าท่านเป็นแฟนพันธ์แท้หนังสือท่านว. ท่านอาจจะเคยผ่านตาเนื้อหาในบทแรก ๆ มาบ้างแล้วนะคะ ซึ่งเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับการเจริญมรณสติในรูปแบบต่างๆความรู้จากงานศพ และเรื่องเล่าให้ข้อคิดเกี่ยวกับความตายของบุคคลต่างๆ ตั้งแต่สมัยพุทธกาลมาจนยุคปัจจุบันค่ะ
=ประเด็นน่าสนใจ=
* พระพุทธพจน์ — “รีบทำสิ่งที่ควรทำเสียแต่วันนี้ เพราะไม่มีใครหยั่งรู้ล่วงหน้าว่า ความตายอาจมาถึงในวันพรุ่งนี้”
* พระพุทธศาสนาสอนให้เราวางท่าทีต่อความตายในเชิงบวก และให้รู้จักเอาประโยชน์จากความตาย คือ รีบทำสิ่งที่ควรทำ อันได้แก่ 1) คุณงามความดี ดูแลบุคคลอันเป็นที่รัก และ 2) เจริญสติวิปัสสนากรรมฐาน
* ท่านรู้จักปริศนาธรรมในงานศพหมดหรือยัง เช่น ทำไมจุดธูปเพียง 1 ดอก? บทขอขมาศพภาษาบาลีนั้นแปลว่าอะไร? ทำไมต้องเวียนรอบเมรุ 3 รอบ? ทำไมต้องวางดอกไม้จันทน์? ทั้งหมดนี้เป็นการสอนธรรมะล้วนๆนะคะไม่ใช่ความเชื่อแบบโชคลางเลย
* สิ่งที่ควรทำ 1) ทำวันนี้ให้ดีที่สุด 2) บอกตัวเองว่าวันนี้คือวันสุดท้ายของเรา และ 3) จงดีกับคนทุกคน ทุกที่ ทุกโอกาส เพราะไม่รู้ว่านั่นอาจจะเป็นครั้งเดียวเท่านั้น/ครั้งสุดท้ายที่เราจะได้พบกัน
* สิ่งที่จะวัดว่าจะไปสุคติ หรือ ทุคติ คือ จิตดวงสุดท้าย วิธีประคองจิตดวงสุดท้ายให้ไปสุคติได้คือ การฝึกเจริญสติอยู่เสมอ
* เอาจิตไปผูกไว้อยู่กับอะไร ก็มีแนวโน้มที่จะไปสู่สิ่งนั้นหรือไปเป็นสิ่งนั้น ดังนั้นควรฝึกให้จิตดวงสุดท้ายหลับไปพร้อมกับการเจริญสติ เผื่อจะไม่ได้ตื่นขึ้นมาอีก
* ให้ฝึกเตรียมตัวตายด้วยการสมาทานศีล 5 ในใจก่อนนอน และนอนดูอาการพองยุบที่ท้องด้วยสติจนหลับไป ถ้าตายเสียในขณะที่หลับก็จะได้ไปสู่สุคติ อย่างน้อยก็จะเป็นมนุษย์อีก
* ผู้ป่วยที่ต้องนอนอยู่กับเตียง หากฝึกการเจริญสติวิปัสสนาไปโดยตลอดก็จะสามารถพลิกจิตได้จนเห็นว่า ตนเองได้มีโอกาสมาสร้างสุดยอดของบุญกุศลซึ่งทำได้ยากอยู่อย่างต่อเนื่อง กายกับจิตจะแยกจากกัน ถึงกายป่วยจิตก็จะไม่เป็นทุกข์
* สติคือพระพุทธเจ้าที่แท้จริง ถ้าอยากรู้จักพระพุทธเจ้า ให้ฝึกเจริญสติ
* ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงอะไร ทำกิจกรรมใดๆไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถไหน ควรเจริญสติทุกเมื่อ เช่น ถ้าโทรศัพท์ดังก็ให้ตั้งหลักเจริญสติก่อนรับ โอกาสที่จะพูดอะไรผิดพลาดหรือพูดไม่ดีออกไปก็จะน้อยลง
* ผู้ที่เจริญสติจะรู้ว่าชีวิตที่เหลือจะทำอย่างไร จึงสามารถใช้เวลาที่เหลือได้อย่างคุ้มค่า
* สตินั้น ต้องฝึกตลอดเวลา เหมือนอยากมีเงินฝากมากๆก็ต้องฝากไปเรื่อยๆไม่ใช่ว่าจะใช้ค่อยไปฝาก
* ถ้ามีสติอยู่กับการเดิน ก็จะมีความสุขกับการเดิน มีสติที่ใด มีความสุขที่นั่น พระพุทธรูปทุกพระองค์จะแย้มพระสรวลน้อย ๆ เสมอ นี่คือปริศนาธรรม
* พระพุทธศาสนาสอนให้เราวางท่าทีต่อความตายในเชิงบวก และให้รู้จักเอาประโยชน์จากความตาย คือ รีบทำสิ่งที่ควรทำ อันได้แก่ 1) คุณงามความดี ดูแลบุคคลอันเป็นที่รัก และ 2) เจริญสติวิปัสสนากรรมฐาน
* ท่านรู้จักปริศนาธรรมในงานศพหมดหรือยัง เช่น ทำไมจุดธูปเพียง 1 ดอก? บทขอขมาศพภาษาบาลีนั้นแปลว่าอะไร? ทำไมต้องเวียนรอบเมรุ 3 รอบ? ทำไมต้องวางดอกไม้จันทน์? ทั้งหมดนี้เป็นการสอนธรรมะล้วนๆนะคะไม่ใช่ความเชื่อแบบโชคลางเลย
* สิ่งที่ควรทำ 1) ทำวันนี้ให้ดีที่สุด 2) บอกตัวเองว่าวันนี้คือวันสุดท้ายของเรา และ 3) จงดีกับคนทุกคน ทุกที่ ทุกโอกาส เพราะไม่รู้ว่านั่นอาจจะเป็นครั้งเดียวเท่านั้น/ครั้งสุดท้ายที่เราจะได้พบกัน
* สิ่งที่จะวัดว่าจะไปสุคติ หรือ ทุคติ คือ จิตดวงสุดท้าย วิธีประคองจิตดวงสุดท้ายให้ไปสุคติได้คือ การฝึกเจริญสติอยู่เสมอ
* เอาจิตไปผูกไว้อยู่กับอะไร ก็มีแนวโน้มที่จะไปสู่สิ่งนั้นหรือไปเป็นสิ่งนั้น ดังนั้นควรฝึกให้จิตดวงสุดท้ายหลับไปพร้อมกับการเจริญสติ เผื่อจะไม่ได้ตื่นขึ้นมาอีก
* ให้ฝึกเตรียมตัวตายด้วยการสมาทานศีล 5 ในใจก่อนนอน และนอนดูอาการพองยุบที่ท้องด้วยสติจนหลับไป ถ้าตายเสียในขณะที่หลับก็จะได้ไปสู่สุคติ อย่างน้อยก็จะเป็นมนุษย์อีก
* ผู้ป่วยที่ต้องนอนอยู่กับเตียง หากฝึกการเจริญสติวิปัสสนาไปโดยตลอดก็จะสามารถพลิกจิตได้จนเห็นว่า ตนเองได้มีโอกาสมาสร้างสุดยอดของบุญกุศลซึ่งทำได้ยากอยู่อย่างต่อเนื่อง กายกับจิตจะแยกจากกัน ถึงกายป่วยจิตก็จะไม่เป็นทุกข์
* สติคือพระพุทธเจ้าที่แท้จริง ถ้าอยากรู้จักพระพุทธเจ้า ให้ฝึกเจริญสติ
* ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงอะไร ทำกิจกรรมใดๆไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถไหน ควรเจริญสติทุกเมื่อ เช่น ถ้าโทรศัพท์ดังก็ให้ตั้งหลักเจริญสติก่อนรับ โอกาสที่จะพูดอะไรผิดพลาดหรือพูดไม่ดีออกไปก็จะน้อยลง
* ผู้ที่เจริญสติจะรู้ว่าชีวิตที่เหลือจะทำอย่างไร จึงสามารถใช้เวลาที่เหลือได้อย่างคุ้มค่า
* สตินั้น ต้องฝึกตลอดเวลา เหมือนอยากมีเงินฝากมากๆก็ต้องฝากไปเรื่อยๆไม่ใช่ว่าจะใช้ค่อยไปฝาก
* ถ้ามีสติอยู่กับการเดิน ก็จะมีความสุขกับการเดิน มีสติที่ใด มีความสุขที่นั่น พระพุทธรูปทุกพระองค์จะแย้มพระสรวลน้อย ๆ เสมอ นี่คือปริศนาธรรม
=สรุป=
อ่านแล้วอยากฝึกการเจริญสติเลยใช่ไหมคะ การฝึกแนวของท่านว.เรียกว่า การเจริญสติตามหลักสติปัฏฐาน 4 ค่ะ ถ้าอยากมาฝึกฟรีในที่ที่ผู้วิจารณ์ไปเป็นประจำล่ะก็ เชิญอ่านรายละเอียดได้ที่ลิ้งค์นี้นะคะ http://goo.gl/ALKOvv
เมื่อฝึกแล้วท่านก็จะสามารถกล่าวได้ว่า ถ้าท่านต้องตายวันนี้ ท่านก็พร้อมแล้ว และจะสามารถตายอย่างสันติ สงบ และ สง่างามค่ะ
ชื่อหนังสือ “หนึ่งคนตาย ล้านคนตื่น” โดย ว.วชิรเมธี สำนักพิมพ์ปราณ พิมพ์ครั้งที่ 18 มีนาคม 2557จำนวน176 หน้า ราคา 139 บาท
——————————————————————
คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” นี้ มีขึ้นเพื่อส่งเสริมให้คนไทยรักการอ่านค่ะ เด็กสิงคโปร์และเด็กเวียดนามอ่านหนังสือโดยเฉลี่ยปีละ 60 เล่ม/คน ถ้าผู้ใหญ่ไทยรักการอ่านให้เด็กเห็น เด็กเราก็จะทำได้ทัดเทียมเพื่อนบ้านหรือดีกว่าค่ะ
เมื่อฝึกแล้วท่านก็จะสามารถกล่าวได้ว่า ถ้าท่านต้องตายวันนี้ ท่านก็พร้อมแล้ว และจะสามารถตายอย่างสันติ สงบ และ สง่างามค่ะ
ชื่อหนังสือ “หนึ่งคนตาย ล้านคนตื่น” โดย ว.วชิรเมธี สำนักพิมพ์ปราณ พิมพ์ครั้งที่ 18 มีนาคม 2557จำนวน176 หน้า ราคา 139 บาท
——————————————————————
คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” นี้ มีขึ้นเพื่อส่งเสริมให้คนไทยรักการอ่านค่ะ เด็กสิงคโปร์และเด็กเวียดนามอ่านหนังสือโดยเฉลี่ยปีละ 60 เล่ม/คน ถ้าผู้ใหญ่ไทยรักการอ่านให้เด็กเห็น เด็กเราก็จะทำได้ทัดเทียมเพื่อนบ้านหรือดีกว่าค่ะ
เชิญอ่านหนังสือเรื่องราวดีๆเล่มนี้ได้ที่ https://goo.gl/aQBBDu
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น