วันศุกร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2559

จิตแพทย์ญี่ปุ่นอยากบอกอะไรกับคุณ?


คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” เล่มที่ 66 วันนี้ จะมาคุยกันถึงหนังสือชื่อ “จิตวิทยาเพื่อชีวิตที่กลมกล่อม” กันค่ะ



=ภาพรวม=
หนังสือเล่มนี้เป็นการรรวมบทความแนะนำการรู้จักตนเองและการใช้ชีวิตของจิตแพทย์ชื่อดังที่เขียนเป็นตอนๆลงนิตยสารชื่อ “Josei Seven” ของญี่ปุ่นค่ะ ถึงแม้ว่าเนื้อหาหลักดูเหมือนจะเน้นไปที่คุณสุภาพสตรี แต่ก็มีหลายสิ่งที่คุณสุภาพบุรุษควรจะทราบไว้เหมือนกันนะคะ
=น่าสนใจจากในเล่ม=
*  วิธีที่แน่นอนที่สุดในการทำให้จิตใจของมนุษย์เข้มแข็งคือ การเข้าใจจิตใจที่แท้จริง
*  ลักษณะของโรคซึมเศร้าคือ จะวนเวียนยึดติดกับอดีตอย่างรุนแรง และรู้สึกโศกเศร้าเสียใจกับอดีตของตนจนไม่สามารถยินดีกับความสุขในปัจจุบันได้
*  โรคทางใจที่พบค่อนข้างบ่อยในญี่ปุ่น แต่แทบไม่เจอเลยในสหรัฐอเมริกาคือ “โรคกลัวการปฏิสัมพันธ์กับผู้คน”
*  สาเหตุที่คนชอบฟังเรื่องซุบซิบนินทาของชาวบ้านก็คือ เมื่อเรารู้ความลับของคนอื่นโดยเฉพาะคนที่เด่น ดัง หรือ เก่ง กระบวนการทางจิตใจที่รู้สึกว่าตนเองอยู่เหนือคนผู้นั้นจะทำงาน จะทำให้เกิดความพึงพอใจ
*  คนเราจะตระหนี่หรือไม่นั้น ถูกกำหนดด้วยค่านิยมที่เกิดจากสภาพแวดล้อมที่เติบโตมา
*  การเสพติดการซื้อของถือว่าเป็นอาการป่วยอย่างหนึ่ง
*  คนที่ซึมเศร้าจะมีมุมมองต่อสิ่งต่างๆที่เปลี่ยนไป คิดอะไรแต่ในแง่ร้าย และพอเป็นหนักเข้าก็จะเกิดจินตนาการหลงผิดขึ้นมาได้ 3 ประเภท คือ
1) จินตนาการว่าตนเองป่วย  2)  จินตนาการว่าตนเองยากจนและจะเป็นเช่นนั้นต่อไปในอนาคต  หรือ 3) จินตนาการว่าตนทำผิด หรือกำลังสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นอยู่ ทั้งๆที่ในความเป็นจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นสักข้อ
*  วิธีการรักษาโรคซึมเศร้ามีวิธีหนึ่งเรียกว่า “การบำบัดการรับรู้” โดยหลักพื้นฐานของวิธีรักษานี้คือ ถ้าคิดเรื่องต่างๆในแง่ลบขึ้นมาเมื่อไหร่ ก็ให้หัดคิดแง่บวกเข้าไปแทนที่
*  โรคกลัวการปฏิสัมพันธ์กับผู้คนขั้นรุนแรง อาจทำให้คิดไปเองว่า ตัวเองน่าเกลียดเลยทำให้คนอื่นไม่ชอบ ในรายที่อาการหนักจะถึงขั้นวนเวียนทำศัลยกรรมอยู่ตลอดเวลา
*  คนอเมริกันจำนวนมากที่นั่งทำงานประเภทนั่งโต๊ะจะทำงานแบบ ทำ 50 นาที พัก 10 นาที เพื่อป้องกันอาการเครียดสะสมซึ่งทำให้ลดประสิทธิภาพการทำงานลง อันจะส่งผลให้ต้องทำงานล่วงเวลาเกินความจำเป็น
*  ค่านิยมที่ว่าผู้หญิงผอมถึงจะสวยนั้นเกิดขึ้นในช่วงไม่นานมานี้เอง ในอเมริกาเดิมนั้นนิยมผู้หญิงรูปร่างท้วม จนถึงราวทศวรรษที่ 1950 ค่านิยมดังกล่าวก็ค่อยๆเปลี่ยนไปทีละน้อยจนถึงปัจจุบัน
=สรุป=
แนวทางบำบัดทั้งหลายในเล่มนี้พอจะประมวลได้ว่าให้ มีสติ มีกัลยาณมิตร มีโยนิโสมนสิการ และมีเมตตาทั้งต่อตนเองและต่อผู้อื่นนั่นเองค่ะ นอกจากนี้อ่านแล้วรู้สึกว่า ความรู้ความเข้าใจในเรื่องการทำงานของใจในพระพุทธศาสนานั้นลึกซึ้งกว่าจิตวิทยาแบบตะวันตกมากเหลือเกิน
ขอเพียงหมั่นเจริญสติตามหลักสติปัฏฐาน 4 เป็นประจำ เราก็จะไม่ตกลงไปในวังวนของสารพันปัญหาที่หนังสือเล่มนี้ยกตัวอย่างมาแล้วค่ะ แต่ถ้าท่านใดสนใจเรื่องจิตวิทยา เล่มนี้ก็มีข้อมูลเชิงวิชาการให้ท่านจุใจเลยค่ะ
 หนังสือชื่อ “จิตวิทยาเพื่อชีวิตที่กลมกล่อม” แปลจาก Josei ga genki ni naru shinrigaku ของ นพ. Hideki Wada โดย ดร.สุลภัส เครือกาญจนา  สำนักพิมพ์ส.ส.ท. กุมภาพันธ์ 2556  160 หน้า  ราคา 150 บาท
——————————————————————
เกร็ดน่ารู้:
*  เด็กสิงคโปร์และเวียดนามอ่านหนังสือเล่มโดยเฉลี่ยปีละ 60 เล่ม/คน
*  คนไทยถึง 40% ไม่อ่านหนังสือเล่มใด ๆ เลย
*  แม้ในหมู่คนไทยที่อ่านหนังสือก็อ่านโดยเฉลี่ยเพียงปีละ 4 เล่ม/คน
คอลัมน์  “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” นี้ จึงมีขึ้นเพื่อส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาตนเองและประเทศชาติค่ะ
——————————————————————-
ท่านสามารถติดตามหนังสือเล่มนี้ได้แล้วที่ https://goo.gl/nZU8HE

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น