คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” เล่มที่ 56 วันนี้ จะมาคุยถึงหนังสือชื่อ “รู้มากไปทำไม รู้ใจก่อนดีกว่า” ค่ะ
=ภาพรวม=
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือจิตวิทยาที่สอดแทรกแนวคิดแนวปฏิบัติของพระพุทธศาสนาลงไปด้วยค่ะ เขียนโดยนักเขียนหนุ่มน้อยขุนเขา สินธุเสน เขจรบุตร เป็นการรวบรวมส่วนหนึ่งของบทความที่เขาเคยเขียนในคอลัมน์ Mind Management ของนิตยสาร Secret นั่นเองค่ะ
ในเล่มแบ่งสิ่งที่เราควร “รู้” ไว้ 6 หมวดด้วยกันนะคะ คือ 1) รู้รัก 2) รู้คิด 3) รู้กาย 4) รู้โลก 5) รู้อารมณ์ และ 6) รู้สุข ค่ะ โดยแต่ละหมวดก็จะเป็นบทความต่างๆย่อยลงไปอีกที
=น่าสนใจจากในเล่ม=
* วิธีเยียวยาที่ได้ผลดีที่สุดเวลาอกหักคือ “การหาสิ่งใหม่ให้สมองได้สนใจ” เช่น งานอดิเรกใหม่ๆ พบเพื่อนใหม่ ๆ ท่องเที่ยวเพื่อเจอสิ่งใหม่ๆ ส่วนเมื่อใดที่สมองว่างให้นึกย้ำแต่สิ่งดีๆที่เราอยากจะเป็นไว้บ่อยๆ
* จิตใต้สำนึกคนเรามีพลังมหาศาล ดังนั้นความคิดลบเกี่ยวกับอนาคตที่เราหมั่นตอกย้ำกับตนเองบ่อยๆจึงเกิดขึ้นจริงๆดังที่คิดได้ไม่ยาก
* คนเรามีความคิดเฉลี่ยวันละ 15,000-60,000 ความคิด และกว่า 80% เป็นความคิดที่เวียนวน ไร้ประโยชน์ และบั่นทอนชีวิต
* บาดแผลบนร่างกายของคนที่มีความเครียด ความกลัว และ ความกังวลสูงจะสมานช้ากว่าบาดแผลบนร่างกายของคนที่มีความสุขและความสบายใจ
* หากเราตั้งใจหายใจให้ยาวและลึกสัก 4-5 ครั้ง สมองของเราจะ “ถูกหลอก” ว่าเรากำลังรู้สึกสบายใจ สุขุม และ มีพลังได้ กระบวนการนี้เรียกว่าการทำ “Biofeedback”
* คนขี้โกรธมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตก่อนวัยอันควรมากกว่าคนที่เป็นโรคอ้วนเรื้อรังและคนที่สูบบุหรี่มาตลอดชีวิตเสียอีก
* คนเราใช้เวลาเฉลี่ยเพียง 8 วินาทีในการดึงอารมณ์ให้กลับมาสู่สภาพปกติอีกครั้ง
* ผลวิจัยสมองจากอเมริกาพบว่า ความอิจฉาทำให้ 1) ความจำแย่ลง 2) สมาธิสั้น และ 3) ทำลายพลังในการควบคุมตนเอง
* เมื่อรู้สึกอิจฉาใครให้พยายามนึกถึงสิ่งเรามีและสำนึกถึงคุณค่าของมัน เช่น เรายังมีชีวิต มีอวัยวะครบ 32 มีสมองที่ใช้การได้ ฯลฯ และให้รู้สึกกตัญญูต่อผู้คนที่รักเรา ช่วยเหลือเรา
* ความสุขเป็นสิ่งที่ฝึกกันได้ เช่น การนั่งสมาธิเพื่อเพิ่มเซโรโทนินหรือสารที่ให้ความรู้สึกอยู่เย็นเป็นสุข
* จำนวนเส้นประสาทในสมองคือเครื่องบ่งบอกระดับสติปัญญาที่แม่นยำที่สุด และสิ่งที่จะช่วยพัฒนาเส้นประสาทเหล่านั้นขึ้นมาได้ก็คือการได้เผชิญปัญหาและอุปสรรคต่างๆ (ซึ่งตรงกับพระพุทธศาสนาที่สอนว่าปัญญาจะเกิดได้ต้องผ่านการเข้าใจ “ทุกข์” ก่อนนั่นเอง)
=สรุป=
ถ้าท่านชื่นชอบข้อมูลเกี่ยวกับผลวิจัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจิตวิทยาหรือประสาทวิทยา (การศึกษาเกี่ยวกับสมองและระบบประสาท) ท่านจะอ่านหนังสือเล่มนี้อย่างเพลิดเพลินค่ะ
ผู้วิจารณ์ติดอยู่นิดเดียวที่พ่อหนุ่มน้อยนักเขียนนี้ดูจะเน้นไปที่เรื่องการดูลมหายใจเป็นหลักเท่านั้นเวลาสอนให้เจริญสติ และมีสอนให้รู้เท่าทันความคิดตัวเองบ้าง แต่ความจริงการเจริญสติตามหลักสติปัฏฐาน 4 นั้นมีหลักการ “เรียกสติให้มาจดจ่ออยู่ในปัจจุบันขณะ” อีกมากมายหลายอย่างนับไม่ถ้วนเลยนะคะในทั้ง 4 ฐาน ซึ่งบางอย่างทำได้เร็วกว่าการดูลมหายใจอีก เช่น การรับรู้อาการกระพริบตา เป็นต้น ซึ่งถ้าทำถูกวิธีเพียงแค่พริบตาเดียวก็สามารถทำให้เกิดตัวรู้ได้ด้วย แต่อย่าลืมว่าหนุ่มน้อยคนนี้อายุเพียง 25 ปีเท่านั้น!! เขาเขียนได้ขนาดนี้ในวัยนี้ก็นับว่าเป็นเด็กอัจฉริยะแล้วล่ะค่ะ ผู้วิจารณ์มั่นใจว่าในอนาคตเมื่อเขาได้มีโอกาสฝึกการเจริญสติตามหลักสติปัฏฐาน 4 อย่างเต็มรูปแบบอย่างต่อเนื่อง ความสามารถของเขาจะยิ่งพุ่งกระฉูดและเขาจะสามารถช่วยคนได้อีกมาก
ดังนั้นในวันนี้เรามาช่วยกันให้กำลังใจเขาด้วยการสนับสนุนงานเขียนดีๆของเขากันนะคะ
หนังสือชื่อ “รู้มากไปทำไม รู้ใจก่อนดีกว่า” โดย ขุนเขา สินธุเสน เขจรบุตร สำนักพิมพ์อมรินทร์ How-To ตุลาคม 2557 จำนวน 214 หน้า ราคา 159 บาท
——————————————————————
เกร็ดน่ารู้:
* เด็กสิงคโปร์และเวียดนามอ่านหนังสือเล่มโดยเฉลี่ยปีละ 60 เล่ม/คน
* คนไทยถึง 40% ไม่อ่านหนังสือเล่มใดๆเลย
* แม้ในหมู่คนไทยที่อ่านหนังสือก็อ่านโดยเฉลี่ยเพียงปีละ 4 เล่ม/คน
คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” นี้ จึงมีขึ้นเพื่อส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาตนเองและประเทศชาติค่ะ
——————————————————————-
สามารถรู้ใจตัวเองก่อนได้ที่ https://goo.gl/qf1c6s
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น