วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2559

อยากรู้จักตัวคุณเองเพิ่มขึ้นไหมคะ?


คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” เล่มที่ 56 วันนี้ จะมาคุยถึงหนังสือชื่อ “รู้มากไปทำไม รู้ใจก่อนดีกว่า” ค่ะ



=ภาพรวม=
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือจิตวิทยาที่สอดแทรกแนวคิดแนวปฏิบัติของพระพุทธศาสนาลงไปด้วยค่ะ เขียนโดยนักเขียนหนุ่มน้อยขุนเขา สินธุเสน เขจรบุตร เป็นการรวบรวมส่วนหนึ่งของบทความที่เขาเคยเขียนในคอลัมน์ Mind Management ของนิตยสาร Secret นั่นเองค่ะ
ในเล่มแบ่งสิ่งที่เราควร “รู้” ไว้ 6 หมวดด้วยกันนะคะ คือ  1) รู้รัก  2) รู้คิด  3) รู้กาย  4) รู้โลก  5) รู้อารมณ์  และ  6) รู้สุข ค่ะ โดยแต่ละหมวดก็จะเป็นบทความต่างๆย่อยลงไปอีกที
=น่าสนใจจากในเล่ม=
*  วิธีเยียวยาที่ได้ผลดีที่สุดเวลาอกหักคือ “การหาสิ่งใหม่ให้สมองได้สนใจ” เช่น งานอดิเรกใหม่ๆ พบเพื่อนใหม่ ๆ  ท่องเที่ยวเพื่อเจอสิ่งใหม่ๆ ส่วนเมื่อใดที่สมองว่างให้นึกย้ำแต่สิ่งดีๆที่เราอยากจะเป็นไว้บ่อยๆ
*  จิตใต้สำนึกคนเรามีพลังมหาศาล ดังนั้นความคิดลบเกี่ยวกับอนาคตที่เราหมั่นตอกย้ำกับตนเองบ่อยๆจึงเกิดขึ้นจริงๆดังที่คิดได้ไม่ยาก
*  คนเรามีความคิดเฉลี่ยวันละ 15,000-60,000 ความคิด  และกว่า 80% เป็นความคิดที่เวียนวน ไร้ประโยชน์ และบั่นทอนชีวิต
*  บาดแผลบนร่างกายของคนที่มีความเครียด ความกลัว และ ความกังวลสูงจะสมานช้ากว่าบาดแผลบนร่างกายของคนที่มีความสุขและความสบายใจ
*  หากเราตั้งใจหายใจให้ยาวและลึกสัก 4-5 ครั้ง สมองของเราจะ “ถูกหลอก” ว่าเรากำลังรู้สึกสบายใจ สุขุม และ มีพลังได้ กระบวนการนี้เรียกว่าการทำ “Biofeedback”
*  คนขี้โกรธมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตก่อนวัยอันควรมากกว่าคนที่เป็นโรคอ้วนเรื้อรังและคนที่สูบบุหรี่มาตลอดชีวิตเสียอีก
*  คนเราใช้เวลาเฉลี่ยเพียง 8 วินาทีในการดึงอารมณ์ให้กลับมาสู่สภาพปกติอีกครั้ง
*  ผลวิจัยสมองจากอเมริกาพบว่า ความอิจฉาทำให้  1) ความจำแย่ลง  2) สมาธิสั้น  และ 3) ทำลายพลังในการควบคุมตนเอง
*  เมื่อรู้สึกอิจฉาใครให้พยายามนึกถึงสิ่งเรามีและสำนึกถึงคุณค่าของมัน เช่น เรายังมีชีวิต มีอวัยวะครบ 32 มีสมองที่ใช้การได้ ฯลฯ และให้รู้สึกกตัญญูต่อผู้คนที่รักเรา ช่วยเหลือเรา
*  ความสุขเป็นสิ่งที่ฝึกกันได้ เช่น การนั่งสมาธิเพื่อเพิ่มเซโรโทนินหรือสารที่ให้ความรู้สึกอยู่เย็นเป็นสุข
*  จำนวนเส้นประสาทในสมองคือเครื่องบ่งบอกระดับสติปัญญาที่แม่นยำที่สุด และสิ่งที่จะช่วยพัฒนาเส้นประสาทเหล่านั้นขึ้นมาได้ก็คือการได้เผชิญปัญหาและอุปสรรคต่างๆ (ซึ่งตรงกับพระพุทธศาสนาที่สอนว่าปัญญาจะเกิดได้ต้องผ่านการเข้าใจ “ทุกข์” ก่อนนั่นเอง)
=สรุป=
ถ้าท่านชื่นชอบข้อมูลเกี่ยวกับผลวิจัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจิตวิทยาหรือประสาทวิทยา (การศึกษาเกี่ยวกับสมองและระบบประสาท)  ท่านจะอ่านหนังสือเล่มนี้อย่างเพลิดเพลินค่ะ
ผู้วิจารณ์ติดอยู่นิดเดียวที่พ่อหนุ่มน้อยนักเขียนนี้ดูจะเน้นไปที่เรื่องการดูลมหายใจเป็นหลักเท่านั้นเวลาสอนให้เจริญสติ และมีสอนให้รู้เท่าทันความคิดตัวเองบ้าง แต่ความจริงการเจริญสติตามหลักสติปัฏฐาน 4 นั้นมีหลักการ “เรียกสติให้มาจดจ่ออยู่ในปัจจุบันขณะ” อีกมากมายหลายอย่างนับไม่ถ้วนเลยนะคะในทั้ง 4 ฐาน ซึ่งบางอย่างทำได้เร็วกว่าการดูลมหายใจอีก เช่น การรับรู้อาการกระพริบตา เป็นต้น ซึ่งถ้าทำถูกวิธีเพียงแค่พริบตาเดียวก็สามารถทำให้เกิดตัวรู้ได้ด้วย แต่อย่าลืมว่าหนุ่มน้อยคนนี้อายุเพียง 25 ปีเท่านั้น!! เขาเขียนได้ขนาดนี้ในวัยนี้ก็นับว่าเป็นเด็กอัจฉริยะแล้วล่ะค่ะ ผู้วิจารณ์มั่นใจว่าในอนาคตเมื่อเขาได้มีโอกาสฝึกการเจริญสติตามหลักสติปัฏฐาน 4 อย่างเต็มรูปแบบอย่างต่อเนื่อง ความสามารถของเขาจะยิ่งพุ่งกระฉูดและเขาจะสามารถช่วยคนได้อีกมาก
ดังนั้นในวันนี้เรามาช่วยกันให้กำลังใจเขาด้วยการสนับสนุนงานเขียนดีๆของเขากันนะคะ
หนังสือชื่อ “รู้มากไปทำไม  รู้ใจก่อนดีกว่า”  โดย ขุนเขา สินธุเสน เขจรบุตร  สำนักพิมพ์อมรินทร์ How-To  ตุลาคม 2557  จำนวน 214 หน้า  ราคา 159 บาท
——————————————————————
เกร็ดน่ารู้:
*  เด็กสิงคโปร์และเวียดนามอ่านหนังสือเล่มโดยเฉลี่ยปีละ 60 เล่ม/คน
*  คนไทยถึง 40% ไม่อ่านหนังสือเล่มใดๆเลย
*  แม้ในหมู่คนไทยที่อ่านหนังสือก็อ่านโดยเฉลี่ยเพียงปีละ 4 เล่ม/คน
คอลัมน์  “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” นี้ จึงมีขึ้นเพื่อส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาตนเองและประเทศชาติค่ะ
——————————————————————-
สามารถรู้ใจตัวเองก่อนได้ที่ https://goo.gl/qf1c6s

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น