วันจันทร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2559

หมอญี่ปุ่นที่ห้ามกินชาเขียวมีด้วยหรือ?


คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” เล่มที่ 41 วันนี้ จะมาคุยถึงหนังสือชื่อ “ยิ่งหิว ยิ่งสุขภาพดี” ค่ะ



=ภาพรวม=
หนังสือเล่มนี้เขียนโดยแพทย์ญี่ปุ่นผู้มีแนวคิดที่ไม่ค่อยจะเหมือนใคร แนะนำวิธีการกินอยู่ที่ค่อนข้างสุดโต่งอยู่สักหน่อย คำว่า “สุขภาพดี” ในเล่มนี้ก็มักจะมาพร้อมกับคำว่า “ความงามของรูปลักษณ์ภายนอก” ค่ะ ผู้วิจารณ์นับประโยคที่เน้นประเด็นความงามได้ไม่ต่ำกว่า 20 ครั้งใน 206 หน้า หรือประมาณ 1 ครั้งในทุก ๆ 10 หน้า  แถมด้วยการปิดท้ายว่าจุดหมายสุดท้ายของการใช้ชีวิตแบบนี้คือ “การอยู่ถึง 100 ปีด้วยผิวเนียนและหน้าท้องที่แบนราบ”!!
=ประเด็นต่าง ๆ จากในเล่ม=
*  ใน 170,000 ปีที่ผ่านมาในประวัติศาสตร์มนุษย์ชาติ มนุษย์เพิ่งได้กินอิ่มครบ 3 มื้อเมื่อไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา  โดยญี่ปุ่นนั้นเพิ่งจะกินอิ่มสามมื้อช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นี้เอง
*  ตลอดเวลาดังกล่าว ยีนของมนุษย์ถูกปรับให้เอาตัวรอดได้ในสภาวะที่อดอยากและเหน็บหนาว  ร่างกายมนุษย์จึงไม่เคยชินกับการกินอย่าง “อิ่มหนำสำราญ”  อันเป็นที่มาของโรคต่าง ๆ เช่น เบาหวาน มะเร็ง หัวใจ ฯลฯ
*  จะต้องใช้เวลาอีกเป็นหมื่นปีกว่ายีนของมนุษย์จะปรับตัวเข้ากับการใช้ชีวิตแบบ “อิ่มหนำสำราญ” นี้ได้
*  ดังนั้น เพื่อปลุกยีนที่ทำให้อายุยืนและทำร่างกายให้กลับเป็นหนุ่มเป็นสาวอีก จึงควรกินอาหารเพียงวันละ 1 มื้อ  และกินให้รู้สึกอิ่มเพียง 60%   โดยแนะนำให้กินข้าว 1 จานและซุป 1 ถ้วย และเปลี่ยนขนาดจานชามให้เล็กลง
*  มื้อดังกล่าวจะเป็นมื้อใดก็ได้  นายแพทย์ผู้เขียนเลือกมื้อเย็น  โดยแนะนำให้กินอิ่มแล้วรีบนอนทันที(?!)
*  มื้อเช้าโดยเฉพาะถ้าต้องใช้สมอง ให้อดอาหารเช้า แม้แต่น้ำก็ไม่ควรดื่ม ถ้าคอแห้งให้เคี้ยวหมากฝรั่งแทน
*  การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพไม่จำเป็น(!?!)  การออกกำลังจนหัวใจเต้นแรงและเร็วไม่ดีต่อร่างกาย  เพียงเดินในชีวิตประจำวันให้มากก็พอ
*  เมื่อหิวจนท้องร้องจ๊อก อย่าเพิ่งรีบกินในทันที  ปล่อยให้ท้องร้องไปสักพักก่อน(!?!?)  เพราะตอนนั้นจะมียีนที่ออกมาซ่อมแซมร่างกายทำให้กลับเป็นหนุ่มสาวใหม่และสุขภาพดี
*  คาเฟอีนคือสารพิษ  จึงไม่ควรดื่มชากาแฟทุกชนิดรวมทั้งชาเขียว  ยกเว้นชาร์บาร์เลย์และชาโกะโบ (รากพืชญี่ปุ่นชนิดหนึ่ง) ที่ไร้คาเฟอีน
=ฝากไว้ให้คิด=
ความจริงการฉัน 1 มื้อ (มื้อเช้าหลังบิณฑบาตร) ก็มีอยู่ในธุดงควัตรตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้วค่ะ และทุกวันนี้ก็ยังมีอยู่ในหมู่พระปฏิบัติ  ซึ่งท่านเหล่านั้นก็มักอายุยืน 80-90 ปี หรือบางทีก็ทะลุ 100 ปีจริงๆ แต่สิ่งสำคัญที่ผู้วิจารณ์อยากเชิญชวนให้ท่านผู้อ่านคิดก็คือ  เราควรจะพยายาม “อยู่ให้ถึง 100 ปีด้วยผิวเนียนและหน้าท้องที่แบนราบ” แบบที่แพทย์ผู้เขียนต้องการเพียงแค่นั้นเองหรือ?
สาระของชีวิตคือ “อยู่เพื่ออะไร” มิใช่หรือ?
การอยู่เพื่อทำประโยชน์ตน (เจริญสติให้เข้ากระแสพระนิพพาน) และ ประโยชน์ท่าน(ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ให้พ้นทุกข์) น่าจะเป็นเป้าหมายของชีวิตอันมีคุณค่าที่แท้จริงมากกว่าการอยู่ด้วยผิวที่เนียนเสมอมิใช่หรือ?
ชื่อหนังสือ “ยิ่งหิว ยิ่งสุขภาพดี”  แปลจาก “Kuufuku” ga Hito wo Kenkou ni Suru  ของ นพ.โยะชิโนะริ นะงุโมะ  โดย คุณพิมพ์รัก สุขสวัสดิ์  สำนักพิมพ์วีเลิร์น 2557  206 หน้า ราคา 165 บาท
——————————————————————
คอลัมน์  “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” นี้ มีขึ้นเพื่อส่งเสริมให้คนไทยรักการอ่านค่ะ  เด็กสิงคโปร์ และเด็กเวียดนามแต่ละคนอ่านหนังสือโดยเฉลี่ยปีละ 60 เล่ม ถ้าผู้ใหญ่ไทยรักการอ่านให้เด็กเห็น เด็กเราก็จะทำได้ทัดเทียมเพื่อนบ้านหรือดีกว่าค่ะ
ขอขอบคุณ ดร.ณัชร ที่แนะนำหนังสือดีๆเล่มนี้นะคะ เชิญติดตามได้ที่  https://goo.gl/m6PJQZ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น