คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” เล่มที่ 71 วันนี้ จะมาคุยถึงหนังสือชื่อสะดุดตา “คิดจะไปดวงจันทร์ อย่าหยุดแค่ปากซอย” ค่ะ
=ภาพรวม=
หน้าปกโปรยไว้ว่า เป็น “คู่มือพลิกมุมมองและใช้ความคิดสร้างสรรค์สำหรับคนที่อยากมองให้เห็นโอกาส และกล้าทำในเรื่องที่คนอื่นคิดว่า “เป็นไปไม่ได้” ซึ่งผู้แต่งนำเสนอเนื้อหาดังกล่าวโดยใช้วิธียกตัวอย่างที่สร้างแรงบันดาลใจของผู้ที่ประสบความสำเร็จจำนวนมากต่อเนื่องตลอดทั้งเล่ม แถมวิเคราะห์อย่างคมคายให้เสร็จด้วยค่ะว่า ผู้คนเหล่านั้นทำได้อย่างไร นอกจากนี้ผู้แต่งยังนำเสนอกรณีศึกษาด้านการตลาดและการโฆษณาชั้นยอดมากมายพร้อมภาพประกอบตลอดเล่มอีกด้วย ดังนั้นอย่าท้อนะคะที่หนังสือดูหนา ที่จริงเป็นภาพและกราฟฟิคเสียเยอะค่ะ
=น่าสนใจจากในเล่ม=
* ถ้าคิดจะไปดวงจันทร์ คุณต้องเข้าใจก่อนว่ากระสวยอวกาศใช้เชื้อเพลิงครึ่งหนึ่งหมดไปตอน 1,000 กม.แรก แปลว่าตอนแรก ๆ มันจะโคตรยาก โคตรเหนื่อย จากนั้นกระสวยอวกาศก็จะทะยานขึ้นไปเอง แต่คนส่วนใหญ่ไปไม่ผ่าน 1,000 กม. แรก เพราะพวกเขาล้มเลิกความตั้งใจ
* ชีวิตคนเรามีทางเลือกแค่สองทาง คือ ไปให้ถึงเป้าหมายหรือไปไม่ถึงไหน หนึ่งในปัจจัยที่แบ่งคนสองประเภทนี้ออกจากกันคือ ความชัดเจนของการเห็นเป้าหมาย
* มีคนมากมายที่เกิดมาด้วยความไม่พร้อม เช่น เชฟหนุ่มที่ร่ำรวยที่สุดในโลก Jamie Oliver ผู้มีอาการของ dyslexia ทำให้อ่านหนังสือได้ลำบากมาก หรือ Michael Phelps ผู้มีอาการสมาธิสั้นจนครูบอกว่าเขาไม่สามารถที่จะโฟกัสกับอะไรได้เลย แต่พวกเขาก็ตัดสินใจที่จะยิ่งใหญ่และทำมันทุกวันโดยไม่มีข้ออ้าง สุดท้ายก็ไม่มีอะไรมาหยุดพวกเขาได้
* จากเด็กหนุ่มที่ยากจนและเป็นเพียงพนักงานขายหน้าร้านธรรมดา ๆ แต่ด้วยความหมั่นศึกษาเทรนด์แฟชั่นและการทุ่มเททำงานหนัก ทุกวันนี้ Ralph Lauren มีทรัพย์สินกว่า 240,000 ล้านบาท
* มนุษย์เรามักมีข้ออ้างให้กับตัวเองเสมอ ถ้ามีความตั้งใจจะทำอะไรจงอย่ารอ ฝันจะเป็นเพียงแค่ฝันถ้าไม่ลงมือทำ ถ้ารอพร้อม 100% ชาตินี้ไม่ต้องทำอะไรแน่นอน
* ตอนที่ Nick Vujicic ผู้ที่เกิดมาโดยไม่มีแขนขาอายุได้ 10 ปี เขาเคยคิดจะฆ่าตัวตาย แต่เขาคิดขึ้นมาได้ว่าเขายังมีครอบครัว เพื่อน และร่างกายส่วนอื่นอยู่ เมื่ออายุ16 ปี เขาเริ่มมีความฝันว่าอยากเป็นนักพูดที่มีชื่อเสียงระดับโลก เพราะแม้จะไร้แขนขา แต่เขามีความรักและความเอื้อเฟื้อที่อยากจะมอบให้เพื่อนมนุษย์ และเขาก็ทำได้สำเร็จ
* ลีกาชิง ผันตัวเองจากเด็กอพยพจากจีนแผ่นดินใหญ่มาเป็นบุรุษผู้ร่ำรวยที่สุดในฮ่องกง ด้วยการทำงานหนัก หมั่นหาความรู้ด้วยการตื่นตี 4 มาอ่านหนังสือทุกวัน อ่านจบแล้วก็นำไปขายต่อเพื่อเอาเงินมาซื้อเล่มใหม่ นอกจากนี้ยังเป็นมหาเศรษฐีในบุญบริจาคเงินกว่า 200,000 ล้านบาทเพื่อการกุศลด้วย
* บทสรุปของชีวิตที่ประสบความสำเร็จของวอลท์ ดิสนีย์ คือ “เมื่อเราเจอเรื่องเลวร้าย บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่เกิดขึ้นกับเราก็ได้ แค่ตอนนั้นเรายังไม่รู้เท่านั้นเอง”
* “โลกไม่เหลือที่ยืนให้กับผู้ที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงอีกต่อไป”
* airbnb และ uber คือตัวอย่างของผู้ที่ปฏิวัติระบบการทำงานแบบเก่า ๆ ของธุรกิจโรงแรมและแท็กซี่อย่างสิ้นเชิงและประสบความสำเร็จถล่มทลายเพราะพวกเขา “มองเห็นโอกาส”
* “มันเป็นไปไม่ได้หรอก” ชีวิตนี้คุณเจอพวก “นักดับฝัน” เยอะไหม ถ้ามีต้องเอาตัวออกห่าง หรือ ถ้าห่างไม่ได้ก็ไม่ต้องไปสนใจคำแนะนำของคนเหล่านี้ เพราะคำว่า “เป็นไปไม่ได้” ไม่เคยอยู่ในสารบบของคนที่คิดจะไปดวงจันทร์
* คนส่วนใหญ่มักอยู่ในโหมด autopilot ในชีวิตประจำวัน คือทำอะไรไปอย่างนั้นเองโดยไม่ได้หยุดคิด หรือตั้งคำถาม
* “พลังใจ” คือ พลังงานชนิดหนึ่งซึ่งทำให้มนุษย์มีสมาธิดี มีความสามารถในการแก้ปัญหาสูง เป็นการทำงานโดยสมองส่วน prefrontal cortex และเมื่อใช้ก็จะหมดไป พลังใจมีมากที่สุดในช่วงเช้า จึงควรทุ่มเทช่วงเช้านั้นไปกับงานที่สำคัญที่สุดเท่านั้น คนส่วนใหญ่มักไม่จัดลำดับความสำคัญของงานและใช้เวลา “prime time” นี้ไปกับสิ่งที่ไม่สำคัญอย่างน่าเสียดาย
* แนวคิดในการรักษาพลังใจให้อยู่ได้นานและเกิดประโยชน์สูงสุดในแต่ละวัน คือ 1) สร้างความพร้อมทางร่างกายให้สูงสุด 2) ตัดตัวเลือกให้เหลือน้อยที่สุด 3) ทำเรื่องที่ยากที่สุดก่อนเสมอ 4) เชื่อมโยงเป้าหมายระยะสั้นกับเป้าหมายระยะยาวเสมอ และต้องมีวิธีวัดผลที่ชัดเจนด้วย 5) รู้จักปฏิเสธ 6) เข้าใจธรรมชาติของพลังใจ (ถ้าทำสิ่งใดจนเป็นนิสัยแล้วร่างกายจะใช้พลังใจน้อยลง)
* การเตรียมความพร้อมทางร่างกายเพื่อให้พลังใจอยู่กับเรานานที่สุดในแต่ละวันคือ ต้องดูแลการพักผ่อน การทานอาหาร การทำสมาธิ และ การออกกำลังกายให้ทั้งสี่อย่างนี้เป็นนิสัย
* ตอน Howard Schultz ผู้ก่อตั้ง Starbucks ทำเรื่องขอกู้ยืมธนาคารเพื่อจะก่อตั้งกิจการในฝันของเขานั้น เขาถูกปฏิเสธมาถึง 223 แห่ง แต่เขาก็เพียรหาข้อมูลเพิ่มเติมและทำงานอย่างหนักจนกระทั่งในที่สุดสถาบันการเงินแห่งที่ 224 ก็รับข้อเสนอของเขาและให้กู้เงิน
* สิ่งที่คนรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วหลายคนมีเหมือนกันคือ มีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าความสุขส่วนตนและมีการเขียน/บันทึกเป้าหมายนั้นเอาไว้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
* จงเตรียมตัวให้พร้อมเสมอเพราะ “โอกาส” สามารถเกิดขึ้นได้ไม่อ้างกาลเวลา หรือสถานที่ คนที่ชนะคือคนที่ “อยู่ในเกม” ตลอด จง “พร้อมที่จะแข่งก่อนแข่งจริง” มีกัลยาณมิตรที่เก่งกว่าเราหรือหนังสือดี ๆ คอยสร้างแรงบันดาลใจ
=สรุป=
หนังสือเล่มนี้มีเรื่องราวที่ทั้งให้ข้อคิดและสร้างแรงบันดาลใจจำนวนมากตั้งแต่หน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้าย ซึ่งผู้แต่งคงจะทำเช่นนี้ไม่ได้เลยถ้าไม่ได้เป็นนักอ่านตัวยง หนังสือเล่มนี้มีหนังสืออ้างอิงถึง 49 เล่มค่ะ
การมีคนอ่านหนังสือจำนวนมากแล้วมา “ย่อย” ให้เราฟังอย่างสนุกสนานนั้นคุ้มแสนคุ้มค่ะ ใครจะรู้ว่า หนังสือเล่มนี้อาจจะจุดประกายให้ท่านผู้อ่านลุกขึ้นมาทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ให้กับโลกก็ได้นะคะ
หนังสือชื่อ “คิดจะไปดวงจันทร์ อย่าหยุดแค่ปากซอย” โดย รวิศ หาญอุตสาหะ สำนักพิมพ์วีเลิร์น 2557 318 หน้า ราคา 255 บาท
——————————————————————
เกร็ดน่ารู้:
* เด็กสิงคโปร์และเวียดนามอ่านหนังสือเล่มโดยเฉลี่ยปีละ 60 เล่ม/คน
* คนไทยถึง 40% ไม่อ่านหนังสือเล่มใด ๆ เลย
* แม้ในหมู่คนไทยที่อ่านหนังสือก็อ่านโดยเฉลี่ยเพียงปีละ 4 เล่ม/คน
คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” นี้ จึงมีขึ้นเพื่อส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาตนเองและประเทศชาติค่ะ
——————————————————————-
ขอเชิญติดตามหนังสือเล่มนี้ได้ที่ https://goo.gl/00lZMp
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น