=ภาพรวม=
หนังสือเล่มนี้ออกจะกล้าหาญอยู่สักหน่อยที่ตั้งชื่อภาษาไทยเช่นนี้ เพราะชื่อภาษาญี่ปุ่นนั้นมีความหมายว่า “วิธีพูดที่ช่วยให้ทักษะการคุยเล่นดีขึ้น” แค่นั้นเอง ถ้าคุณผู้อ่านตั้งความหวังไว้มากกับชื่อเรื่องก็อาจจะผิดหวังได้ เพราะผู้วิจารณ์รู้สึกว่าในเล่มก็ไม่ได้แนะนำทักษะอะไรใหม่นัก นอกจากมีเกร็ดน่าสนใจอยู่ไม่กี่อย่าง สิ่งที่ได้จากการอ่านโดยรวมคือสังคมญี่ปุ่นปัจจุบันมีปัญหาเรื่องการสื่อสารหรือที่ถูกคือการไม่ค่อยสื่อสารกันมากกว่า แต่ถ้าคุณเป็นผู้สนใจศึกษาสังคมและวัฒนธรรมญี่ปุ่น เล่มนี้ก็อาจจะทำให้คุณรู้จักญี่ปุ่นอีกด้านก็ได้
=น่าสนใจจากในเล่ม=
* ทักษะการคุยเล่นเป็นสิ่งจำเป็นในหลายสถานการณ์ เช่น ในห้องเรียนช่วงเปิดภาคเรียนใหม่ ที่ทำงานใหม่ งานสัมมนา หรืองานเลี้ยง
* สิ่งจำเป็นสำหรับการคุยเล่นไม่ใช่ความสามารถในการพูดอย่างการพูดสุนทรพจน์ แต่เป็นทักษะการสื่อสารที่ไม่ว่าใครก็สามารถทำได้รวมถึงคนขี้อายหรือคนที่พูดไม่เก่งด้วย
* คนที่มีทักษะการคุยเล่นจะสามารถพัฒนาความสัมพันธ์กับทุกคนได้ดีขึ้น ทำให้โอกาสเรื่องงานหรือเรื่องอื่นๆหลั่งไหลเข้ามาหาด้วย
* การคุยเล่นไม่จำเป็นต้องมี “ทางแก้ปัญหา” หรือ “ข้อสรุป” และเป็นสิ่งที่สามารถพูดตัดบทจบการสนทนาได้ทันทีอย่างละมุนละม่อม
* วิธีที่ง่ายที่สุดวิธีหนึ่งคือ พูดชม “สิ่งที่เรามองเห็น” ของอีกฝ่าย เช่น เนกไท สีเสื้อ
* เทคนิคอื่นๆก็มี 1) ให้เริ่มด้วยการคล้อยตามหรือเห็นด้วย อย่าปฏิเสธตั้งแต่แรก 2) ใช้วิธีถามกลับ และ 3) ให้น้ำหนักการสนทนาเป็นเรื่องของฝ่ายตรงข้าม 80% เป็นต้น
* เราสามารถสร้างบรรยากาศในการคุยเล่นให้ต่างฝ่ายต่ายผ่อนคลายได้ง่าย ๆ เพียงมีโต๊ะกับแก้วกาแฟคั่นกลางระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย
* หา “สิ่งที่สนใจตรงกัน” ให้เจอสักหนึ่งเรื่อง พยายามศึกษาหาข้อมูลของคนทุกเพศทุกวัยเอาไว้เปิดประเด็นเสมอ
* การพกลูกอม(แบบที่ละลายง่ายๆในปาก ไม่ทำให้พูดไม่ถนัด) เอาไว้ยื่นให้คู่สนทนาเป็นหนึ่งในวิธีเริ่มคุยเล่น
* การมีสติใส่ใจในสิ่งละอันพันละน้อยในโลกรอบตัว ตลอดจนในสื่อต่างๆที่เสพ ย่อมทำให้เราสามารถเก็บเกี่ยวเกร็ดปลีกย่อยเอาไว้คุยเล่นกับคนได้มหาศาล เช่น เรื่องราวของดนตรีหรือฉากในภาพยนตร์ ฯลฯ
* ทักษะการคุยเล่นสำคัญมากในธุรกิจ ประธานบริษัทมักเป็นคนที่มีทักษะนี้ดี และลูกค้าย่อมอยากกลับไปร้านที่พนักงานคุยด้วยได้อย่างคล่องแคล่วทุกเรื่อง ไม่ใช่ถามคำตอบคำ
* หัดฝึกการรับมุกเสียบ้าง และคนหนุ่มสาวก็ควรหัดเล่าเรื่องของคนวัยตนให้กับผู้อาวุโสฟังบ้าง
* เราสามารถใช้การคุยเล่นมาช่วยเปิดโลกทัศน์ เปลี่ยนอารมณ์ความรู้สึก และหาสิ่งที่ตัวเองสนใจเพิ่มเติมได้ คนคุยเล่นเก่งจะเป็นคนมีพลังชีวิต และสามารถใช้ทักษะการพูดคุยช่วยเหลือคนได้ และรับฟังคนได้ด้วย
หนังสือชื่อ “ชีวิตดีขึ้นทันตาเห็น แค่หยิบเรื่องมาคุยเล่นเพียง 30 วินาที” โดย ไซโต้ ทะคะชิ แปลโดย ทินภาส เลาหะนิชย์ สำนักพิมพ์วีเลิร์น ราคา 175 บาท
——————————————————————
เกร็ดน่ารู้:
* เด็กเวียดนามอ่านหนังสือเล่มโดยเฉลี่ยปีละ 60 เล่ม/คน
* คนไทยถึง 40% ไม่อ่านหนังสือเล่มใด ๆ เลย
* แม้ในหมู่คนไทยที่อ่านหนังสือก็อ่านโดยเฉลี่ยเพียงปีละ 4 เล่ม/คน
คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” นี้ จึงมีขึ้นเพื่อส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาตนเองและประเทศชาติ
ส่วนเพจ “ดร.ณัชร” นั้นเกิดขึ้นด้วยความตั้งใจที่จะทำความดีถวายในหลวง และเพื่อเทิดพระเกียรติพระอัจฉริยภาพในด้านต่าง ๆ ในการสร้างความสุขและความสำเร็จที่ยั่งยืน
——————————————————————-
เพื่อไม่ให้พลาดหนังสือดีๆ จาก ดร.ณัชร สยามวาลา สามารถติดตามได้ที่ https://goo.gl/W1LGRj
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น