วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ทราบหรือไม่ว่าไสยศาสตร์แทรกซึมเข้ามาในพุทธศาสตร์มากจนคาดไม่ถึง?


คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” เล่มที่ 247 วันนี้ จะมาคุยถึงหนังสือชื่อ “พุทธศาสตร์ กับ ไสยศาสตร์” ค่ะ



=ภาพรวม=
หนังสือเล่มบางเฉียบแต่อัดแน่นไปด้วยสาระดี ๆ นี้เป็นหนึ่งในซีรี่ส์หนังสือชุด “พุทธทาส ๑๐๐ ปี หนังสือดี ๑๐๐ เล่ม” ซึ่งเป็นการคัดธรรมบรรยายของท่านพุทธทาสภิกขุ 1 เรื่องมาจัดพิมพ์ขึ้น 1 เล่ม
เล่มนี้เป็นธรรมบรรยายที่ท่านพุทธทาสแสดงไว้เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2525 ค่ะ
=น่าสนใจจากในเล่ม=
*  เมื่อพระเจ้าอโศกจะส่งผู้เผยแผ่พระพุทธศาสนามายังดินแดนสุวรรณภูมินี้ ต้องมาต่อสู้กับ “ยักษ์” กับ “มาร” กับ “ผี” อะไรต่าง ๆ อย่างมากมายก่อน  พวกเหล่านั้นคือ ผู้ที่ไม่มีความรู้ถูกต้อง หรือพวกมิจฉาทิฏฐิ อันได้แก่ไสยศาสตร์นั่นเอง
*  คำว่า พุทธศาสตร์  หมายถึงพระพุทธศาสนา หลักเกณฑ์ตามแนวของพระพุทธศาสนาที่จะใช้ดับทุกข์ได้
*  คำว่า ไสยะ แปลได้ 2 อย่าง คือ แปลว่า นอนหลับอยู่ก็ได้ แปลว่าดีกว่าก็ได้  ความหมายแรกนั้นตรงกันข้ามกับพุทธะ ซึ่งแปลว่า ตื่นจากหลับ  ความหมายที่ว่า ดีกว่า นั้น หมายถึง ดีกว่าไม่มีเสียเลย
*  พุทธบริษัทคนไหนกราบพระพุทธรูปลงไปโดยคิดว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วย ๆ อย่างนี้ นั่นก็ยังนับว่าเป็นไสยศาสตร์
*  แต่ถ้ามีพุทธบริษัทคนใดรู้ว่า พระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร มาปฏิบัติตาม แล้วดับทุกข์ได้ เห็นความดี ความจริง ความถูกต้องของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้ว กราบลงไปก็นับเป็นพุทธศาสตร์
*  คนที่จะศรัทธาเชื่อในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ได้จริง ก็ต้องเป็นผู้ที่ได้รับผลของการปฏิบัติมาแล้ว
*  ไสยศาสตร์มีรากฐานอยู่ที่ความเชื่อ ไม่เกี่ยวกับปัญญา  พุทธศาสตร์มีรากฐานอยู่ที่ปัญญา  ถ้าจะใช้คำว่าความเชื่อกับพุทธศาสตร์ ต้องเป็นความเชื่อของปัญญา
*  ไสยศาสตร์เข้ากันได้กับสัญชาตญาณมนุษย์ที่เกิดมาก็ต้องพึ่งพ่อแม่ พึ่งพี่เลี้ยง พึ่งผู้อื่นทั้งนั้น  ความคิดที่จะรู้จักตนเอง ช่วยตนเองยังไม่มี  ไสยศาสตร์เข้ากันได้กับสัญชาตญาณแห่งความกลัว
*  ถ้ารู้จักใช้ไสยศาสตร์ให้เป็นก็อาจเป็นประโยชน์ได้เหมือนกัน คือ กลัวสิ่งศักดิ์สิทธิ์เลยไม่กล้าทำชั่ว  แต่อย่างไรเสียไสยศาสตร์ก็ยังเป็นมิจฉาทิฏฐิ
*  กฏอิทัปปัจจยตา คือ พระเป็นเจ้าในพระพุทธศาสนา  เป็นกฏธรรมชาติ เป็นสิ่งสูงสุดที่ใครก็ตั้งไม่ได้  เป็นกฎตายตัว ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่มีใครเลิกล้างได้
*  ในการจะพาลูกเด็ก ๆ มาวัด มาหาพระ นี้ต้องอาศัยความเชื่อทางแบบไสยศาสตร์ไปก่อน เช่น มาวัดนั้นจะได้โชคดี จะได้เจริญ จะได้สวย จะได้รวย  แล้วก็เข้ามากราบพระในโบสถ์  จนกว่าเด็ก ๆ เหล่านั้นจะได้ศึกษารู้แท้จริงว่า พระพุทธเจ้าคืออะไร พระธรรมคืออะไร จึงจะเป็นพุทธบริษัทได้
*  เมื่อใดละไสยศาสตร์ได้หมด ก็เป็นพุทธบริษัทเต็มตัว
*  ฤกษ์ยามของพระพุทธศาสนาคือ เมื่อแน่ใจว่าทำดี ทำถูก นั่นแหละคือฤกษ์ดี แล้วจงทำเถอะ  เมื่อมีสติปัญญาเพียงพอ รู้ว่านี่ดีแล้ว ถูกแล้ว ก็ทำเถอะ  อย่ามัวนับชั่วโมง นับนาที นับดวงดาวอะไรอยู่เลย
*  ไม่ต้องกลัว พุทธศาสตร์เราก็มีวิธีที่จะแก้ปัญหาทุก ๆ อย่างทุก ๆ ประการได้  ด้วยอำนาจของพระธรรม ด้วยอำนาจของปัญญา  คนอื่นเขามีความกลัว เราไม่กลัว  คนอื่นเขามีความทุกข์ เราไม่ทุกข์
*  ถ้าทำตนให้ถูกต้องตามระเบียบของพุทธศาสตร์แล้วสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจะมาระดมกันช่วยโดยที่ไม่ต้องไปจ้าง!
*  ชีวิตที่ไม่ทุกข์เลยนั่นแหละ  คือความเป็นพุทธบริษัท
หนังสือชื่อ “พุทธศาสตร์ กับ ไสยศาสตร์” โดย พุทธทาสภิกขุ  สำนักพิมพ์สุขภาพใจ  มกราคม 2552  80 หน้า ราคา 40 บาท
——————————————————————
เกร็ดน่ารู้:
*  เด็กเวียดนามอ่านหนังสือเล่มโดยเฉลี่ยปีละ 60 เล่ม/คน
*  คนไทยถึง 40% ไม่อ่านหนังสือเล่มใด ๆ เลย
*  แม้ในหมู่คนไทยที่อ่านหนังสือก็อ่านโดยเฉลี่ยเพียงปีละ 4 เล่ม/คน
(ที่มา: http://goo.gl/qH2arZ และ http://goo.gl/2Ue7S3)
คอลัมน์  “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” นี้ จึงมีขึ้นเพื่อส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาตนเองและประเทศชาติค่ะ
——————————————————————-
ขอเชิติดตามหนังสือ “พุทธศาสตร์ กับ ไสยศาสตร์” ได้ที่ https://goo.gl/AAUkw4

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น