คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” เล่มที่ 307 วันนี้ จะมาคุยถึงหนังสือชื่อ “ชา มหัศจรรย์สุดปลายยอด” ค่ะ
=ภาพรวม=
อย่าให้หนังสือการ์ตูนเล่มเล็กนี้หลอกตาคุณทีเดียว เพราะมันมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับชาอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการเตรียมชาให้ออกมาได้ดีที่สุดซึ่งละเอียดประณีตเกินกว่าที่คนทั่วไปจะคาดคิด หรือคุณประโยชน์ต่าง ๆ ของชา รวมทั้งโทษด้วย!
วิธีนำเสนอก็น่าสนใจเพราะเป็นเรื่องราวของกลุ่มคนหนุ่มสาวในยุคปัจจุบันที่หลุดย้อนยุคกลับไปในยุคจีนโบราณระหว่างที่กำลังปั่นจักรยานชมกำแพงเมืองจีน มีเรื่องราวตื่นเต้นแนวผจญภัยรอพวกเขาอยู่เมื่อพวกเขาต้องช่วยตัวเอกในยุคโบราณทำภารกิจเกี่ยวกับชาบางอย่างที่ต้องเดิมพันด้วยชีวิต
=น่าสนใจจากในเล่ม=
* ถ่านที่ทำจากเมล็ดของผลสมอให้ความร้อนสูงและยาวนานกว่าถ่านไม้ใด ๆ
* น้ำเดือดครั้งแรกต้องลวกป้านชาและจอกให้สะอาดเสียก่อน
* ตอนเทน้ำร้อนใส่ใยชาในป้านชา น้ำแรกต้องยกแขนให้สูงให้น้ำร้อนกระแทกใบชาเพื่อให้ใบชาคลี่ตัวออก ส่วนการรินชาจากป้านลงจอกเพื่อดื่มต้องรินให้ต้ำ เพราะกลิ่นใบชาจะได้ไม่เจือจางไปกับอากาศ
* น้ำแรกที่รินลงจอกจะดื่มไม่ได้เพราะเป็นน้ำล้างใบชา ต้องเทออกบนผิวนอกป้านชา(กาดินเผาที่ใส่น้ำชา)เพื่อรักษาอุณหภูมิของป้านชาให้อบอุ่นทั้งในและนอก
* น้ำชาที่รินออกมาครั้งที่สองสามารถดื่มได้แล้ว แต่ต้องรอ 1 อึดใจก่อน นั่นก็คือ เมื่อน้ำร้อนที่ราดบนป้านชาแห้งสนิทเมื่อใดก็หมายความว่าน้ำที่ชงนั้นได้ที่พร้อมดื่มแล้ว
* การรินชาบนจอกที่อยู่ในถาดต้องรินวนไปทุก ๆ จอกพร้อม ๆ กันในคราเดียวและต้องรินให้หมดป้านจนหยุดสุดท้าย สาเหตุที่รินทีละจอกไม่ได้เพราะถ้าทำเช่นนั้นจอกสุดท้ายจะเข้มข้นเกินไป
* การดื่มชาร้อนต้องสูดอากาศเข้าให้มีเสียง “ซู้ด” ด้วยเพราะอากาศที่ไหลเข้าไปพร้อมน้ำชาที่ร้อนจัด นอกจากจะทำให้ชาเย็นลงแล้ว ยังช่วยพากลิ่นชาที่หอมละมุนให้ไกลไปตามทางเดินอากาศ เพิ่มสุนทรียะให้ได้รับกลิ่นอย่างเต็มที่
* การเก็บใบชาต้องคัดเฉพาะยอดชาที่มีใบติดเพียง 2 ใบเท่านั้น เพราะคือส่วนที่ดีที่สุดของชา
* ยอดชามีสารโพลีฟีนอล ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ต้านมะเร็ง ลดคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ได้ด้วย
* ชาอัสสัมเป็นพืชจากชมพูทวีป ต้นและใบใหญ่กว่าชาจีน สมัยโบราณมีแค่แถมอัสสัมและจีนยูนนาน หลังจากนั้นจึงเริ่มแพร่ไปที่รัฐฉานของพม่า และประมาณปีพ.ศ. 1800 จึงไปถึงดินแดนล้านนนา
* ล้านนาเรียกชาว่า “เมี่ยง” และนำไปหมักกินเล่น จนประมาณพ.ศ. 2500 ชาวจีนฮ่อจึงไปเผยแพร่การทำชาสำหรับดื่ม
* ภาชนะบรรจุชาที่ต้องใช้สังกะสีปิดฝาแน่นก็เพราะเป็นการป้องกันไม่ให้กลิ่นอื่นเข้าไปเนื่องจากชาจะดูดกลิ่นได้ดี ถ้ามีกลิ่นอื่นเข้ามาก็จะทำให้ชาเปลี่ยนกลิ่นไปด้วย
* ชามีหลายประเภทนับไม่ถ้วน แต่ถ้าแบ่งคร่าว ๆ ตามกรรมวิธีแปรรูปจะมี 3 ประเภท คือ 1) ชาไม่หมัก เก็บสด ๆ แล้วทำให้แห้งเลย เช่น ชาขาวและชาเขียว 2) ชากึ่งหมัก ตากแดดอ่อน ๆ ตากลง อย่างชาเหลืองและชาอู่หลง 3) ชาหมัก เก็บนานยิ่งรสดี อย่างชาแดง ชาดำ ชาผูเอ่อ
* ชาทุกชนิดมีสารทีโอฟิลลิน มีฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณหน้าอก ปอด คลายตัว ส่งผลให้ภาวะหลอดลมเกร็งตัวทุเลาลง หรือช่วยขยายหลอดลมนั่นเอง มีสารแคเฟอีนออกฤทธิ์กระตุ้นประสาทส่วนกลาง ทำให้ร่างกายตื่นตัว กระตุ้นการเผาผลาญสารอาหาร สลายไขมัน ขยายหลอดเลือด
* นอกจากนั้นชายังมีสารแคทีชิน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เป็นต้นตอของปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ โรงมะเร็ง ความแก่และความเสื่อมของอวัยวะต่าง ๆ และยังมีสารไอโอดีน ช่วยดูแลต่อมไทรอยด์ ช่วยพัฒนาสมองและส่งเสริมการเจริญเติบโตของร่างกาย และมีฟลูออไรด์อีกด้วย
* อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ไม่ควรดื่มชาคือ 1) ผู้มีปัญหาเรื่องไต กระเพาะอาหาร ลำไส้ หรือเป็นโรคเกี่ยวกับกระดูก 2) สตรีที่รับประทานยาคุมกำเนิด สตรีตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร 3) ผู้เป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ ผู้มีไข้สูง ผู้เป็นโรคนอนไม่หลับ 4) เด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบและคนป่วยที่อยู่ในระหว่างรับยาทั้งแผนโบราณและแผนปัจจุบัน 5) ผู้ป่วยโรคทางจิตที่ต้องทานยาด้านจิตเวช
หนังสือชื่อ “ชา มหัศจรรย์สุดปลายยอด” โดย ภัทราพร สังข์พวงทอง บริษัท ไซเบอร์พริ้นท์ จำกัด มกราคม 2558 162 หน้า ราคา 180 บาท
——————————————————————
เกร็ดน่ารู้:
* เด็กเวียดนามอ่านหนังสือเล่มโดยเฉลี่ยปีละ 60 เล่ม/คน
* คนไทยถึง 40% ไม่อ่านหนังสือเล่มใด ๆ เลย
* แม้ในหมู่คนไทยที่อ่านหนังสือก็อ่านโดยเฉลี่ยเพียงปีละ 4 เล่ม/คน
คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” นี้ จึงมีขึ้นเพื่อส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาตนเองและประเทศชาติ
——————————————————————-
ขอเชิญติดตามหนังสือ “ชา มหัศจรรย์สุดปลายยอด” ได้ที่ https://goo.gl/dTNnin
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น