วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2559

มาทดสอบความรู้เรื่องชากัน


คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” เล่มที่ 307 วันนี้ จะมาคุยถึงหนังสือชื่อ “ชา มหัศจรรย์สุดปลายยอด” ค่ะ



=ภาพรวม=
อย่าให้หนังสือการ์ตูนเล่มเล็กนี้หลอกตาคุณทีเดียว  เพราะมันมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับชาอยู่มากมาย  ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการเตรียมชาให้ออกมาได้ดีที่สุดซึ่งละเอียดประณีตเกินกว่าที่คนทั่วไปจะคาดคิด  หรือคุณประโยชน์ต่าง ๆ ของชา  รวมทั้งโทษด้วย!
วิธีนำเสนอก็น่าสนใจเพราะเป็นเรื่องราวของกลุ่มคนหนุ่มสาวในยุคปัจจุบันที่หลุดย้อนยุคกลับไปในยุคจีนโบราณระหว่างที่กำลังปั่นจักรยานชมกำแพงเมืองจีน  มีเรื่องราวตื่นเต้นแนวผจญภัยรอพวกเขาอยู่เมื่อพวกเขาต้องช่วยตัวเอกในยุคโบราณทำภารกิจเกี่ยวกับชาบางอย่างที่ต้องเดิมพันด้วยชีวิต
=น่าสนใจจากในเล่ม=
*  ถ่านที่ทำจากเมล็ดของผลสมอให้ความร้อนสูงและยาวนานกว่าถ่านไม้ใด ๆ
*  น้ำเดือดครั้งแรกต้องลวกป้านชาและจอกให้สะอาดเสียก่อน
*  ตอนเทน้ำร้อนใส่ใยชาในป้านชา  น้ำแรกต้องยกแขนให้สูงให้น้ำร้อนกระแทกใบชาเพื่อให้ใบชาคลี่ตัวออก  ส่วนการรินชาจากป้านลงจอกเพื่อดื่มต้องรินให้ต้ำ  เพราะกลิ่นใบชาจะได้ไม่เจือจางไปกับอากาศ
*  น้ำแรกที่รินลงจอกจะดื่มไม่ได้เพราะเป็นน้ำล้างใบชา  ต้องเทออกบนผิวนอกป้านชา(กาดินเผาที่ใส่น้ำชา)เพื่อรักษาอุณหภูมิของป้านชาให้อบอุ่นทั้งในและนอก
*  น้ำชาที่รินออกมาครั้งที่สองสามารถดื่มได้แล้ว  แต่ต้องรอ 1 อึดใจก่อน  นั่นก็คือ เมื่อน้ำร้อนที่ราดบนป้านชาแห้งสนิทเมื่อใดก็หมายความว่าน้ำที่ชงนั้นได้ที่พร้อมดื่มแล้ว
*  การรินชาบนจอกที่อยู่ในถาดต้องรินวนไปทุก ๆ จอกพร้อม ๆ กันในคราเดียวและต้องรินให้หมดป้านจนหยุดสุดท้าย  สาเหตุที่รินทีละจอกไม่ได้เพราะถ้าทำเช่นนั้นจอกสุดท้ายจะเข้มข้นเกินไป
*  การดื่มชาร้อนต้องสูดอากาศเข้าให้มีเสียง “ซู้ด” ด้วยเพราะอากาศที่ไหลเข้าไปพร้อมน้ำชาที่ร้อนจัด  นอกจากจะทำให้ชาเย็นลงแล้ว  ยังช่วยพากลิ่นชาที่หอมละมุนให้ไกลไปตามทางเดินอากาศ  เพิ่มสุนทรียะให้ได้รับกลิ่นอย่างเต็มที่
*  การเก็บใบชาต้องคัดเฉพาะยอดชาที่มีใบติดเพียง 2 ใบเท่านั้น  เพราะคือส่วนที่ดีที่สุดของชา
*  ยอดชามีสารโพลีฟีนอล ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ต้านมะเร็ง ลดคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ได้ด้วย
*  ชาอัสสัมเป็นพืชจากชมพูทวีป ต้นและใบใหญ่กว่าชาจีน  สมัยโบราณมีแค่แถมอัสสัมและจีนยูนนาน  หลังจากนั้นจึงเริ่มแพร่ไปที่รัฐฉานของพม่า  และประมาณปีพ.ศ. 1800 จึงไปถึงดินแดนล้านนนา
*  ล้านนาเรียกชาว่า “เมี่ยง” และนำไปหมักกินเล่น จนประมาณพ.ศ. 2500 ชาวจีนฮ่อจึงไปเผยแพร่การทำชาสำหรับดื่ม
*  ภาชนะบรรจุชาที่ต้องใช้สังกะสีปิดฝาแน่นก็เพราะเป็นการป้องกันไม่ให้กลิ่นอื่นเข้าไปเนื่องจากชาจะดูดกลิ่นได้ดี  ถ้ามีกลิ่นอื่นเข้ามาก็จะทำให้ชาเปลี่ยนกลิ่นไปด้วย
*  ชามีหลายประเภทนับไม่ถ้วน  แต่ถ้าแบ่งคร่าว ๆ ตามกรรมวิธีแปรรูปจะมี 3 ประเภท คือ  1) ชาไม่หมัก  เก็บสด ๆ แล้วทำให้แห้งเลย เช่น ชาขาวและชาเขียว  2) ชากึ่งหมัก  ตากแดดอ่อน ๆ ตากลง อย่างชาเหลืองและชาอู่หลง  3) ชาหมัก เก็บนานยิ่งรสดี อย่างชาแดง ชาดำ ชาผูเอ่อ
*  ชาทุกชนิดมีสารทีโอฟิลลิน มีฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณหน้าอก ปอด คลายตัว  ส่งผลให้ภาวะหลอดลมเกร็งตัวทุเลาลง หรือช่วยขยายหลอดลมนั่นเอง มีสารแคเฟอีนออกฤทธิ์กระตุ้นประสาทส่วนกลาง ทำให้ร่างกายตื่นตัว กระตุ้นการเผาผลาญสารอาหาร สลายไขมัน ขยายหลอดเลือด
*  นอกจากนั้นชายังมีสารแคทีชิน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เป็นต้นตอของปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ โรงมะเร็ง ความแก่และความเสื่อมของอวัยวะต่าง ๆ  และยังมีสารไอโอดีน ช่วยดูแลต่อมไทรอยด์ ช่วยพัฒนาสมองและส่งเสริมการเจริญเติบโตของร่างกาย และมีฟลูออไรด์อีกด้วย
*  อย่างไรก็ตาม  ผู้ที่ไม่ควรดื่มชาคือ  1) ผู้มีปัญหาเรื่องไต กระเพาะอาหาร ลำไส้ หรือเป็นโรคเกี่ยวกับกระดูก  2) สตรีที่รับประทานยาคุมกำเนิด สตรีตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร  3) ผู้เป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ ผู้มีไข้สูง ผู้เป็นโรคนอนไม่หลับ  4) เด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบและคนป่วยที่อยู่ในระหว่างรับยาทั้งแผนโบราณและแผนปัจจุบัน  5) ผู้ป่วยโรคทางจิตที่ต้องทานยาด้านจิตเวช
หนังสือชื่อ “ชา มหัศจรรย์สุดปลายยอด” โดย ภัทราพร สังข์พวงทอง  บริษัท ไซเบอร์พริ้นท์ จำกัด  มกราคม 2558  162 หน้า ราคา 180 บาท
——————————————————————
เกร็ดน่ารู้:
*  เด็กเวียดนามอ่านหนังสือเล่มโดยเฉลี่ยปีละ 60 เล่ม/คน
*  คนไทยถึง 40% ไม่อ่านหนังสือเล่มใด ๆ เลย
*  แม้ในหมู่คนไทยที่อ่านหนังสือก็อ่านโดยเฉลี่ยเพียงปีละ 4 เล่ม/คน
คอลัมน์  “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” นี้ จึงมีขึ้นเพื่อส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาตนเองและประเทศชาติ
——————————————————————-
ขอเชิญติดตามหนังสือ “ชา มหัศจรรย์สุดปลายยอด” ได้ที่ https://goo.gl/dTNnin

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น