วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2559

เราจะเติมความสุขลงไปในทุกขณะของชีวิตได้อย่างไร?


คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” เล่มที่ 343 วันนี้ จะมาคุยถึงหนังสือชื่อ “เติมความสุขลงในชีวิต” ค่ะ



=ภาพรวม=
หนังสือเล่มบางเฉียบแต่อัดแน่นไปด้วยสาระดี ๆ นี้เป็นหนึ่งในซีรี่ส์หนังสือชุด “พุทธทาส ๑๐๐ ปี หนังสือดี ๑๐๐ เล่ม” ซึ่งเป็นการคัดธรรมบรรยายของท่านพุทธทาสภิกขุ 1 เรื่องมาจัดพิมพ์ขึ้น 1 เล่ม
เล่มนี้เป็นธรรมบรรยายท่านพุทธทาสแสดงไว้เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2525 ค่ะ
=น่าสนใจจากในเล่ม=
*   ถ้าว่ากันโดยแท้จริงในชั้นลึก  ชีวิตนั้นมันก็เป็นธรรมะอยู่แล้ว  ความหมายทั้ง 4 ของธรรมะ คือ 1) ธรรมชาติ  2) กฎของธรรมชาติ  3) หน้าที่ตามกฎของธรรมชาติ  และ  4) ผลจากหน้าที่
*  ความหมายที่ 3 สำคัญที่สุด  หน้าที่ของเราคือต้องทำให้ถูกต้องตามกฎเกณฑ์นั้น ๆ เพื่อมีชีวิตอยู่ได้  และเพื่อชีวิตเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป  จนถึงได้สิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์ควรได้รับ(พระนิพพาน)ไม่เช่นนั้นเสียชาติเกิด
*  ธรรมะทั้ง 84,000 ธรรมขันธ์นั้นสรุปให้สั้นก็คือ การประพฤติปฏิบัติให้ถูกต้องทางกาย วาจา ใจ เท่านั้นเอง
*  อย่างไรที่ว่าถูกต้อง?  คือ ไม่มีผู้ใดเกิดความทุกข์ แต่ได้รับความสุขด้วยกันทุกฝ่าย  เป็นความสุขที่แท้จริงไม่ใช่สุขหลอก ๆ ด้วยกิเลส
*  เดี๋ยวนี้ทุกคนบูชาเงินว่าเงินจะช่วยให้เกิดความสุข  แต่มันก็ไม่แน่เสมอไป  ถ้าคนไม่รู้จักธรรมะแล้ว เงินนั่นแหละจะช่วยให้เกิดความทุกข์  หาก็หาด้วยจิตใจที่หนักอึ้ง กระวนกระวายเป็นทุกข์ตั้งแต่หา  ครั้งหามาได้แล้วก็ใช้เป็นเหยื่อของกิเลส ปรนเปรอกิเลส  เก็บรักษาไว้ก็วิตกกังวล จนเป็นโรคประสาท
*  ถ้าคนมีธรรมะจะมีจิตใจสงบไปตั้งแต่การหาเงิน  มันก็ต่างกันแล้วตั้งแต่การหา  แม้เงินที่เก็บไว้จะสูญหายคนมีธรรมะก็จะเฉย ๆ หายก็หาย หาเอาใหม่ได้ ไม่เป็นทุกข์เลย  คนมีธรรมะจะหาเงิน มีเงิน ใช้เงิน เก็บเงินก็ไม่เป็นทุกข์
*  ที่ว่าหาเงินนี้มันก็ต้องทำงาน  ทำงานด้วยธรรมะนั้นมันเยือกเย็น  ทำงานด้วยกิเลสตัณหานั้นมันร้อน
*  อย่าทำงานด้วยความหวัง แต่ทำด้วยสติสัมปชัญญะ ด้วยปัญญา  ปัญญามันจะรู้เองว่าเราควรจะทำอะไร ทำเท่าไร ทำอย่างไร ทำที่ไหน ทำเมื่อไร  รู้แล้วก็ตั้งใจไว้เป็นหลักแล้วก็ทำไป อย่าให้ความหวังมันกัดหัวใจ  ทำให้สนุกไปด้วยสติปัญญา  ทำได้นิดหนึ่งก็ยินดี ๆ ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะสำเร็จ
*  ถ้าทำงานด้วยสติสัมปชัญญะและปัญญา ก็จะพอใจอยู่ในการงานแล้วก็เป็นสุข มีความเพลิดเพลินอยู่ในการงาน  ไม่ต้องทิ้งหน้าที่ไปหาความสุขนอกบ้านอันเต็มไปด้วยกิเลสตัณหา
*  เช่น กวาดเรือน  ถ้าไม่พอใจมันก็ตกนรกเพราะต้องกวาดเรือน  แต่ถ้าพอใจมันยิ่งสนุกที่ได้กวาดเรือน  เป็นตัวอย่างที่ดีแก่ลูกหลาน บ้านนั้นมันก็ไม่รก
*  ถ้าทำงานด้วยจิตใจที่เกลี้ยงเกลาสงบเย็น ทำงานไปแล้วก็สนุกตลอดเวลา มีความสุขตลอดเวลา ไม่ต้องซื้อหาจ่ายเงินอะไร  เป็นความสุขที่เกิดขึ้นเองเพราะความพอใจที่ได้รู้สึกว่าเรากระทำถูกต้องแล้ว
*  ข้อนี้ในพระบาลีมีกล่าวไว้ว่า “อย่าไปเร่งมันด้วยความหวัง  อย่าไปเร่งมันด้วยกิเลสตัณหา  ทำให้ถูกต้องเถิดพอแล้ว  พระพุทธเจ้าท่านตรัสเปรียบว่าเหมือนกับแม่ไก่ฟักไข่  มันก็ทำหน้าที่ให้ถูกต้อง พอครบกำหนดไข่มันก็กลายเป็นตัวออกมา
*  ถ้ามีความสุขจริงของพระธรรม คือ เมื่อได้ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎเกณฑ์ของพระธรรมแล้วมีความสุข  อย่างนี้มันสุขจริงไม่ต้องแกล้งทำ ไม่ต้องบังคับให้สุข ไม่ต้องหลอกตัวเองให้สุข แล้วเงินก็ไม่เสีย เงินเดือนก็พอใช้ไม่ต้องคอร์รัปชั่น
*  ทุกวันนี้การศึกษามันบกพร่อง ซึ่งเราเรียกว่า การศึกษาชนิดสุนัขหางด้วย รู้แต่หนังสือกับทำมาหากินอาชีพเท่านั้น  ถ้าหางไม่ด้วนต้องรู้ธรรมะด้วย  เหมือนกับเติมธรรมะลงไปในชีวิตให้สมบูรณ์   ให้รู้ว่าปฏิบัติธรรมะอย่างไรจึงจะไม่เป็นทุกข์  เมื่อกระทรวงเขาไม่ได้สอน เราก็มาหาเอาเองนอกหลักสูตรกระทรวงสิ!
*  การเติมธรรมะลงไปในชีวิตของเราให้เต็มนี้เป็นความดีอย่างยิ่ง  ดีกว่ามีเงินเดือนเพิ่มสักสิบขั้น  มีธรรมะเป็นกำไร มีบุญกุศลเป็นกำไร มันยิ่งกว่าเงินกว่าทอง
*  พระพุทธองค์ทรงประสงค์ว่า ให้พวกเรานี้ช่วยกันทำให้ธรรมะยังอยู่ในโลก ให้เป็นประโยชน์แก่สัตว์โลกทั้งเทวดาและมนุษย์  เราก็ต้องช่วยกันซี่  เติมธรรมะลงไปในชีวิตให้เต็ม  ให้เป็นชีวิตที่สามารถสร้างสรรค์สิ่งที่มีประโยชน์อย่างสูงสุด ตรงตามพุทธประสงค์
หนังสือชื่อ “เติมความสุขลงในชีวิต” โดย พุทธทาสภิกขุ  สำนักพิมพ์สุขภาพใจ  ธันวาคม 2549  60 หน้า ราคา 30 บาท
——————————————————————
เกร็ดน่ารู้:
*  เด็กเวียดนามอ่านหนังสือเล่มโดยเฉลี่ยปีละ 60 เล่ม/คน
*  คนไทยถึง 40% ไม่อ่านหนังสือเล่มใด ๆ เลย
*  แม้ในหมู่คนไทยที่อ่านหนังสือก็อ่านโดยเฉลี่ยเพียงปีละ 4 เล่ม/คน
คอลัมน์  “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” นี้ จึงมีขึ้นเพื่อส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาตนเองและประเทศชาติ
——————————————————————-
ขอเชิญติดตามหนังสือ “เติมความสุขลงในชีวิต” ได้ที่ https://goo.gl/lgEFwV

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น