คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” เล่มที่ 314 วันนี้ จะมาคุยถึงหนังสือชื่อ “พูดอย่างนี้สำเร็จแน่” ค่ะ
=ภาพรวม=
หนังสือเล่มนี้เขียนโดยนักจิตวิทยาชาวญี่ปุ่นมากประสบการณ์ นำเสนอเทคนิคการสนทนาให้ได้ผลดีในสถานการณ์ต่าง ๆ กัน โดยมีทั้งในบริบทของการทำงานและเรื่องส่วนตัว
ญี่ปุ่นกับไทยนั้นคล้ายกันในเรื่องความเกรงใจดังนั้นตัวอย่างบทสนทนานี้ถึงแม้จะเขียนเพื่อชาวญี่ปุ่นก็เข้ากับสังคมไทยได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญคือผู้เขียนไม่ได้เขียนขึ้นมาลอย ๆ แต่มีผลวิจัยจากหลากหลายสาขาทั่วโลกมารองรับอีกด้วย จึงมีความเป็นสากลนำไปใช้ได้จริง
=น่าสนใจจากในเล่ม=
* “คำแรกที่พูดออกไป” คือตัวกำหนดแนวโน้มของบทสนทนาที่เหลือ ทางจิตวิทยาเรียกสิ่งนี้ว่า “ผลลัพธ์แบบแองเคอริ่ง(การทิ้งสมอ)” เช่น ถ้าไปซื้อของในที่ที่ต่อราคาได้ ถ้าพนักงานขายถามว่า “เท่าไหร่ถึงจะซื้อ?” ให้ตอบราคาต่ำ ๆ เอาไว้ก่อน
* ด้วยหลักการเดียวกันนี้ ในการไหว้วานคนอื่นให้ช่วยงาน แทนที่จะบอกว่า “ขอเร็ว ๆ หน่อยได้ไหม?” ให้ระบุไปเลยว่า “ขอสักภายในอาทิตย์นี้ได้ไหม”
* เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ยากลำบาก คนจะอยากหนีออกไปจากสภาพตรงนั้นโดยเร็ว แต่หากได้รับการแจ้งให้ทราบล่วงหน้าไว้ก่อน ก็จะสามารถอดทนกับเรื่องนั้น ๆ ได้มากขึ้น เช่น ถ้าคุณเป็นนักเขียนที่เขียนงานได้ช้า ก่อนจะรับงานให้ออกตัวไว้ก่อนเลยว่า “ฉันขึ้นชื่อเรื่องการส่งงานช้านะ”
* วิธีพูดเรื่องที่น่าลำบากใจ 1) พูดชมเชยข้อดีของอีกฝ่ายก่อน 2) วกเข้าเรื่อง(ที่พูดยาก) และ 3) พูดขอบคุณและกล่าวถึงความคาดหวังต่อจากนี้
* ในการไหว้วานหรือการคาดหวังการร่วมมือจากอีกฝ่าย การพูดแบบ “แปะฉลาก” ให้อีกฝ่ายว่า “คุณเป็นคนใจดีนะ” หรือ “นายเป็นคนที่ทำอะไรได้ทุกอย่างเลยนะ” จะส่งผลให้อีกฝ่ายมีแนวโน้มที่จะทำตัวตามที่เรา “แปะฉลาก” ไว้ให้จริง ๆ
* ตอนที่ต้องเอาแผนงานไปนำเสนอให้บริษัทคู่ค้า ให้ลองพาเพื่อนร่วมงานหลายคนไปเจรจาด้วยกัน และระหว่างที่กำลังอธิบายก็ให้เพื่อนร่วมงานข่วยกันพยักหน้ารับรองอย่างแข็งขัน จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือเพราะเป็นการปลูกฝังภาพลงไปในสมองส่วนจิตใต้สำนึกของผู้ฟังว่าเนื้อหาดังกล่าวเป็นที่เห็นด้วยของคนหมู่มาก
* เมื่อโดนผู้อื่นชี้ให้เห็นข้อดีของตนเอง ถึงจะเป็นเพียงการชมตามมารยาท คนเราก็มีแนวโน้มที่จะเชื่อตามอยู่ดี ทางจิตวิทยาเรียกว่า “บาร์นัม เอฟเฟกต์” ดังนั้น ถ้าบอกคนรักว่า “คุณนี่เป็นคนใจดีจริง ๆ เลยนะ” เขาก็มีแนวโน้มที่จะเชื่อและเปลี่ยนเป็นคนใจดีขึ้นมาจริง ๆ
* ถ้าต้องการชวนคนแปลกหน้าคุย ให้ชวนตอน “20 นาทีก่อนเครื่องบินจะลง” หมายถึง ในช่วงเวลาอันน้อยนิดที่ทำให้อีกฝ่ายคิดว่าอีกเดี๋ยวคงจะไม่เจอกันอีกแล้ว เพราะจะเป็นเวลาที่อีกฝ่ายไม่ค่อยรู้สึกระวังฝ่ายตรงข้ามมากเท่าตอนชวนคุยตั้งแต่ตอน “เครื่องบินเริ่มขึ้น”
* คนเรานั้นต้องการแสวงหาจุดประสงค์(หรือความหมาย?)ของสิ่งที่ตนกระทำ ดังนั้นหากต้องการให้ลูกน้องทำงานอย่างตั้งใจ ก็ควรยอมเสียเวลาอธิบายเจตนาและเป้าหมายของงานให้ลูกน้องเข้าใจด้วย จะทำให้ลูกน้อยรู้สึกว่างานนั้น “มีค่า” ขึ้น
* “เทคนิคการขอตัวกลับเมื่อกำลังถึงตอนคุยสนุก” และ การ “ทิ้งคำใบ้เมื่อยามจากลา” จะเป็นวิธีที่ทำให้อีกฝ่ายอยากจะเจอคุณอีกและเป็นการเพิ่มระดับการชอบพอคุณขึ้นโดยปริยายอีกด้วย
หนังสือชื่อ “พูดอย่างนี้สำเร็จแน่” โดย Yoshihito Naito แปลโดย ปาวัน การสมใจ ส.ส.ท. ธันวาคม 2557 200 หน้า ราคา 198 บาท
——————————————————————
เกร็ดน่ารู้:
* เด็กเวียดนามอ่านหนังสือเล่มโดยเฉลี่ยปีละ 60 เล่ม/คน
* คนไทยถึง 40% ไม่อ่านหนังสือเล่มใด ๆ เลย
* แม้ในหมู่คนไทยที่อ่านหนังสือก็อ่านโดยเฉลี่ยเพียงปีละ 4 เล่ม/คน
คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” นี้ จึงมีขึ้นเพื่อส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาตนเองและประเทศชาติ
——————————————————————-
ขอเชิญติดตามหนังสือ “พูดอย่างนี้สำเร็จแน่” ทั้งในแบบรูปเล่มและรูปแบบ e-book ได้ที่ https://goo.gl/ukjTo0
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น