วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ถ้าคุณหลุดเข้าไปในถ้ำลึกจะหาทางออกมาได้หรือไม่?


คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” เล่มที่ 305 วันนี้ จะมาคุยถึงหนังสือชื่อ “เอาชีวิตรอดในถ้ำลึก”  ค่ะ



=ภาพรวม=
หนังสือการ์ตูนวิทยาศาสตร์ที่มีการสลับฉากเป็นระยะ ๆ ด้วยบทความสั้น ๆ และภาพถ่ายประกอบนี้เป็นหนึ่งในซีรี่ส์การ์ตูน “เอาชีวิตรอด…” จากประเทศเกาหลีค่ะ
ในเล่มเป็นเรื่องราวของคณะของเด็กชายโมโม่ที่เดินทางไปเที่ยวชมถ้ำลึกในประเทศมาเลเซีย  และมีเหตุให้ต้องผจญภัยเอาตัวรอดจากถ้ำลึกที่ยังไม่มีการสำรวจ
เป็นหนังสือที่ให้ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์หลายด้าน  เหมาะสำหรับทั้งปลูกฝังเยาวชน และเหมาะสำหรับคุณพ่อคุณแม่ไว้อ่านเองสนุก ๆ ด้วยค่ะ
=น่าสนใจจากในเล่ม=
*  ถ้ำกวางในประเทศมาเลเซีย กว้าง 100-120 เมตร ลึกประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นถ้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก  มีโพรงทางเข้าสูงถึง 120 เมตร  มีค้างคาวอาศัยอยู่หลายล้านตัว
*  นอกจากค้างคาวแล้ว  ยังมีสัตว์อื่น ๆ เช่น จิ้งหรีด ตะขาบ แมงมุม และแมงป่องอาศัยอยู่มากเช่นกัน
*  มูลค้างคาวมีประโยชน์  สามารถนำไปทำปุ๋ยได้  อเมริกายังเคยส่งเจ้าหน้าที่มาขุดมูลค้างคาวไปถึงกว่า 16,000 ตัน
*  พืชไม่เจริญเติบโตในบริเวณที่ไม่มีแสงอาทิตย์  ฉะนั้นในถ้ำจึงแทบไม่มีพืชเลย  แต่ก็มีสัตว์อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก  แหล่งพลังงานที่สำคัญในถ้ำคือ เกลือ ไนเตรต ธาตุไนโตรเจน และมูลค้างคาว
*  ค้างคาวคล่องแคล่วมากและชอบบิน  จึงต้องการอาหารจำนวนมากเป็นพลังงาน  การวิจัยพบว่าค้างคาวจับยุงได้มากถึง 1 ใน 10 ของน้ำหนักตัวภายในเวลาเพียง 15 นาที
*  มนุษย์ได้ยินเสียงในช่วงความถี่ 20-20,000 เฮิร์ตซ์  เสียงที่สูงกว่านี้คือคลื่นเหนือเสียงหรืออัลตราซาวด์  สัตว์ทั่วไปได้ยินเสียงในคลื่นความถี่ที่สูงกว่ามนุษย์  เช่น สุนัขได้ยินเสียงสูงถึง 80,000 เฮิร์ตซ์  ส่วนค้างคาวได้ยินในช่วง 20,000-100,000 เฮิร์ตซ์
*  ค้างคาวดูดเลือดหรือแวมไพร์มีอยู่น้อยมากและอาศัยอยู่แถบอเมริกากลางและอเมริกาใต้เท่านั้น
*  หินงอกหินย้อยเกิดจากกระบวนการผุพังของถ้ำเนื่องจากน้ำ  เมื่อฝนตกน้ำจะละลายแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศทำให้น้ำมีสภาพเป็นกรดอ่อน ๆ  เมื่อน้ำฝนไหลซึมผ่านเพดานถ้ำจะละลายหินปูน   เมื่อน้ำระเหยจะเกิดการตกผลึกของแร่แคลไซต์เป็นแท่งลงมาจากเพดาน เรียกว่า หินย้อย
*  ถ้ามาจากบริเวณที่มีแสงเข้าสู่ที่มืด  เราจะมองไม่เห็นชั่วขณะ  แต่พอสักครู่เราจะมองเห็น  หากขาดวิตามินเอ  ดวงตาจะปรับสภาพยากขึ้น  เช่น คนที่เป็นโรคตาบอดกลางคืน
*  ในถ้ำจะมีทางน้ำ ซึ่งหมายถึงทางเดินของน้ำในถ้ำด้วย  โดยมากอยู่ใต้พื้นถ้ำและเปลี่ยนแปลงไปตามภูมิประเทศ  บางครั้งก็มีน้ำตกและบ่อน้ำด้วย
*  ถ้าติดอยู่ในถ้ำลึกแล้วเจอค้างคาวแสดงว่าต้องมีทางออกแน่  ให้คอยดูว่าค้างคาวบินออกไปทางไหน
*  เมื่อมีอาการหวาดกลัวกับเหตุการณ์หรือสิ่งของบางอย่างเกินปกติ  เราเรียกอาการนี้ว่า อาการกลัว (phobia)  สิ่งที่ทำให้เกิดอาการกลัวมีได้หลายอย่าง  ที่พบมากคือกลัวบุคคลหรือสัตว์  แต่ก็มีบางครั้งที่อาการกลัวเกิดจากเหตุการณ์ต่าง ๆ หรือสถานที่ หรือกระทั่งการกระทำบางอย่าง
*  อาการกลัวที่แคบคือการติดอยู่ในที่แคบแล้วเกิดตื่นกลัว  ถ้าติดอยู่ในที่แคบแล้วหวาดกลัวต้องไม่ทำให้ร่างกายเกร็ง  หากผ่อนคลายลงร่างกายจะหลุดออกจากที่แคบได้
หนังสือชื่อ “เอาชีวิตรอดในถ้ำลึก” เขียนโดย Hong Jae-Cheol ภาพประกอบโดย Mun, Junghoo แปลโดย ชุตินันท์ เอกอุกฤษฎ์กุล   สำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่น พิมพ์ครั้งที่ 1 ตุลาคม 2558  208 หน้า  ราคา 185 บาท
——————————————————————-
เกร็ดน่ารู้:
*  เด็กเวียดนามอ่านหนังสือเล่มโดยเฉลี่ยปีละ 60 เล่ม/คน
*  คนไทยถึง 40% ไม่อ่านหนังสือเล่มใด ๆ เลย
*  แม้ในหมู่คนไทยที่อ่านหนังสือก็อ่านโดยเฉลี่ยเพียงปีละ 4 เล่ม/คน
คอลัมน์  “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” นี้ จึงมีขึ้นเพื่อส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาตนเองและประเทศชาติ
——————————————————————-
ขอเชิญติดตามหนังสือ “เอาชีวิตรอดในถ้ำลึก”   ได้ที่ https://goo.gl/3myDbQ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น