วันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2559

อยากอ่านเรื่องเล่าสนุก ๆ ปลุกแรงบันดาลใจดี ๆ?


คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” เล่มที่ 271 วันนี้ จะมาคุยถึงหนังสือชื่อ “สุโก้ย Marketing ทำไมใคร ๆ ก็ติดใจญี่ปุ่น” ค่ะ



=ภาพรวม=

หนังสือเล่มนี้เป็นการรวมเรื่องเล่าสนุกๆเกี่ยวกับการตลาดของญี่ปุ่นประกอบภาพสีสันสดใส เขียนโดยอาจารย์ด้านการตลาดผู้จบปริญญาตรี โท และ เอก จากญี่ปุ่น ที่เป็นที่รู้จักกันดีจากบล็อก “เกตุวดี Marumura” ค่ะ
เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจเรื่องการตลาด เรื่องญี่ปุ่น หรือเพียงอยากได้แรงบันดาลใจดีๆ และถึงแม้คุณจะรู้เรื่องเกี่ยวกับญี่ปุ่นดีอยู่แล้ว หนังสือเล่มนี้ซึ่งเขียนขึ้นด้วยอารมณ์ขันก็การันตีที่จะนำรอยยิ้มมาให้คุณค่ะ
=น่าสนใจจากในเล่ม=
*  ชาวญี่ปุ่นคลั่งไคล้และคุ้นเคยกับของน่ารักๆ แม้แต่ป้ายบอกทางก็ยังอุตส่าห์บรรจงทำออกมาให้แสนน่ารัก (ในเล่มมีตัวอย่างหลายภาพ)
*  ธนาคารแห่งชาติของญี่ปุ่นได้คำนวณผลกระทบทางเศรษฐกิจจากเจ้าหมีดำ Kumamon ซึ่งเป็นตัวการ์ตูนที่ทำหน้าที่ PR ให้จังหวัดคุมาโมโต้ว่า สามารถสร้างผลทางเศรษฐกิจให้ทางจังหวัดได้ถึง 1.2 ล้านล้านเยนระหว่างปี 2011-2013
*  หลักการสร้างและนำตัวการ์ตูนมาใช้ในธุรกิจของคนญี่ปุ่น คือ  1) ลายเส้นเรียบง่าย  2) ใส่จิตวิญญาณและความเป็นคนเข้าไป  3) เล่าเรื่องราว  และ  4) ทำอย่างต่อเนื่อง
*  “ยาเสน่ห์” หรือ การตลาดของญี่ปุ่นที่ทำให้นักท่องเที่ยวติดใจอยากกลับไปอีกคือ  1) สร้างของดังประจำเมือง  2) ลงทุนจ้างดีไซเนอร์มืออาชีพมาออกแบบของที่ระลึกหลังจากทำการวิจัยมาอย่างดี  3) การจัดกิจกรรมดี ๆ เช่น ทำตราประทับ ณ จุดต่างๆของเมือง  4) มีการ “คุม theme” ของดังประจำเมืองในทุกๆสิ่งตั้งแต่ป้ายบอกทางไปจนของที่ขายในร้านที่ระลึก
*  ร้านค้าในย่านเดียวกันแทนที่จะแข่งขันกันกลับร่วมมือร่วมใจปรึกษาหารือทำแคมเปญในเทศกาลต่างๆด้วยกัน หรือหาทางนำวัตถุดิบที่เป็นจุดเด่นของเมืองมาพัฒนาสินค้าด้วยกัน
*  เช่น เกียวโตดังเรื่องชาเขียว ร้านอาหารก็จะขายโซบะชาเขียว ร้านขนมก็จะขายโมจิชาเขียว ร้านใบชาก็เสนอตัวนำเครื่องคั่วใบชามาตั้งคั่วสด ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้กลิ่นหอมสดๆของใบชาคั่ว สินค้าของเมืองเลยออกไปในทางเดียวกัน แต่สร้างสรรค์ต่างกันไม่ได้ลอกกันหมด
*  คนญี่ปุ่นมีความเป็นส่วนตัวสูงมาก หนังสือที่พวกเขาอ่านในที่สาธารณะ เช่น รถไฟ จะห่อปกเสมอเพื่อไม่ให้คนอื่นรู้ว่ากำลังอ่านอะไร ร้านหนังสือก็ถือโอกาสโปรโมทร้านไปในตัวผ่านกระดาษห่อปกหนังสือ
*  สาวญี่ปุ่นมักจะอายเวลาต้องซื้อเค้กชิ้นเดียว หรือซื้อข้าวกล่อง (เบนโตะ) ที่ร้านสะดวกซื้อในคืนวันคริสต์มาส เพราะเกรงว่าจะโดนมองว่าเป็นสาวโสด ไม่มีใคร
*  ดิสนีย์แลนด์โตเกียวใส่ใจอย่างสุด ๆ ที่จะทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกว่าอยู่ในโลกแห่งความฝันจริงๆ โดยจะขจัดสิ่งที่ทำให้นึกถึงโลกแห่งความเป็นจริงออกไปให้มากที่สุด เช่น จะไม่เห็นตึกออฟฟิศ(ที่ทำให้นึกถึงงาน) นอกจากนี้ยังหากระจกห้องน้ำ นาฬิกา และเศษขยะได้ยากมากอีกด้วย
*  ร้านสะดวกซื้อ 3 อันดับแรกของญี่ปุ่นมีนโยบายการตลาดต่างกัน เช่น 7-11 เน้นการวิเคราะห์ข้อมูลกลุ่มลูกค้ากับของที่ซื้อ, มีกลยุทธที่ไม่เหมือนใครเรื่องการขยายสาขา และมีสินค้า Limited Edition
ส่วน Lawson เน้นสร้างสรรค์ร้านใน theme ต่างๆออกมา เช่น Natural Lawson เป็น theme ธรรมชาติเน้นสุขภาพผู้บริโภค Lawson Store 100 ขายของทุกชิ้นในราคา 100 เยน ในขณะที่ Family Mart เน้นจับมือกับพันธมิตร เช่น  Muji และ Tsutaya
*  ร้านอาหารที่ญี่ปุ่นเน้นอาหารเฉพาะด้านและใช้วิธีจัดเซ็ตเมนูให้ลูกค้าเลือกทานง่าย ได้เพลิดเพลินกับความหลากหลายในเซ็ตที่มีกับข้าวอย่างละนิดหน่อย นอกจากนี้การจัดเซ็ตเมนูก็ทำให้ตัวร้านเองได้เพิ่มประสิทธิภาพในการสั่งวัตถุดิบ บริการได้รวดเร็ว เก็บกวาดโต๊ะง่ายเพื่อรอรับลูกค้าใหม่ได้เร็วขึ้น
*  ชาวญี่ปุ่นมีความละเอียดอ่อนละเมียดละไมกับฤดูกาลมาก ซึ่งสะท้อนมาในทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นสีสันและลักษณะของเสื้อผ้า อาหาร สินค้า ภาษาที่ใช้ในจดหมายทักทายประจำฤดูกาล ไปจนถึงตั๋วเข้าชมวัดซึ่งจะเปลี่ยนภาพไปตามฤดูกาลว่าวัดนั้นดูเป็นอย่างไรในสภาพสิ่งแวดล้อมแต่ละฤดู
*  มูจิเป็นแบรนด์ที่เรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง ดีไซน์แต่ละชิ้นผ่านการทำการบ้านมาอย่างละเอียดถี่ถ้วนจนคาดไม่ถึงและเน้นรับฟังผู้บริโภคโดยการเปิดเว็บไซต์เป็นชุมชนสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ ให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการออกแบบผลิตภัณฑ์ในฝันของตนเอง
*  การร่วมมือร่วมใจช่วยเหลือกันและกัน การเห็นประโยชน์ของคนอื่นและสังคมมาก่อนตัวเอง การทำงานเป็นทีมตามที่ผู้เขียนได้เล่าถึงในเล่มเป็นคุณสมบัติเด่นของญี่ปุ่นที่ผู้เขียนอยากให้เกิดขึ้นในประเทศไทย
หนังสือชื่อ “สุโก้ย Marketing ทำไมใครๆ ก็ติดใจญี่ปุ่น” โดย เกตุวดี Marumura สำนักพิมพ์มติชน  พฤศจิกายน 2557 200 หน้า ราคา 220 บาท
——————————————————————
เกร็ดน่ารู้:
*  เด็กเวียดนามอ่านหนังสือเล่มโดยเฉลี่ยปีละ 60 เล่ม/คน
*  คนไทยถึง 40% ไม่อ่านหนังสือเล่มใด ๆ เลย
*  แม้ในหมู่คนไทยที่อ่านหนังสือก็อ่านโดยเฉลี่ยเพียงปีละ 4 เล่ม/คน
คอลัมน์  “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” นี้ จึงมีขึ้นเพื่อส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาตนเองและประเทศชาติ
——————————————————————-
ขอเชิญติดตามหนังสือ “สุโก้ย Marketing ทำไมใคร ๆ ก็ติดใจญี่ปุ่น” ทั้งในแบบรูปเล่มและรูปแบบ e-book ได้ที่ https://goo.gl/W0ZjAj

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น