นี่คือหนังสือสร้างแรงบันดาลใจที่ดีที่สุดเล่มหนึ่งที่คอลัมน์นี้เคยรีวิวมา!
=ผู้เขียนที่รอบรู้และทุ่มเท=
หนังสือเล่มนี้โดดเด่นแตกต่างจากหนังสือสร้างแรงบันดาลใจทุก
ๆ เล่มที่ผู้วิจารณ์เคยอ่านมา ผู้เขียนทั้งสองท่านคือ คุณวสุ และ คุณเกตุวดี
แห่งเพจ marumura เป็นผู้ที่เรียนและทำงานที่ญี่ปุ่นมานานนับ
10 ปี
และเห็นได้ชัดว่าได้ทุ่มเทค้นคว้าในการเขียนแต่ละเรื่องอย่างลึกซึ้งกว่าที่เห็นในรายการเอกสารอ้างอิงท้ายเล่มมากนัก
=ทักษะการเขียนระดับงานวรรณกรรม=
หนังสือนี้รวมเรื่องเล่าจากชีวิตจริงของชายหญิงชาวญี่ปุ่น
30 คน
สิ่งที่ทำให้หนังสือเล่มนี้ยอดเยี่ยมไม่ใช่เพียงแค่ความรอบรู้แต่คือทักษะการเขียนของผู้เขียนทั้งคู่
คุณวสุเล่าเรื่องอย่างมีชีวิตชีวาน่าติดตาม ส่วนคุณเกตุวดีใช้ภาษาได้อบอุ่น
อ่อนโยน นุ่มนวล และทั้งสองท่านสามารถนำข้อเท็จจริงมาถ่ายทอดได้อย่างเต็มไปด้วยชีวิตจิตใจราวกับเป็นงานวรรณกรรม
ผู้อ่านจะรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในฉากชีวิตของผู้ที่ถูกเขียนถึงแต่ละคน
หลายชีวิตเริ่มต้นด้วยความยากลำบากแสนสาหัสในวัยเด็กจนอ่านแล้วรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาในใจ
และถึงแม้บางคนจะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่แต่สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับทุก ๆ
คนไม่ใช่เงินทอง ชื่อเสียง หรือตำแหน่ง
แต่คือความสุขใจที่ได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุดเพื่อผู้อื่น เพื่อสังคม
และเพื่อมนุษยชาติ
=สิ่งที่ได้จากการอ่าน=
นอกจากจะได้ความรู้มากมาย ผู้อ่านจะยังรู้สึกอิ่มใจ
อบอุ่นใจ ได้แรงบันดาลใจ และขอเตือนว่าบางเรื่องอาจทำให้ถึงกับน้ำตาซึมได้
ไม่ใช่เพราะความรู้สึกโศกเศร้า แต่เป็นความรู้สึก feel-good โดยเฉพาะครึ่งเล่มหลังจนผู้อ่านสามารถสัมผัสได้ในความปรารถนาดีที่ผู้เขียนมอบให้
เป็นหนังสือที่จะทำให้เราถามตัวเองด้วยว่า
"แล้วเราล่ะ จะทำอะไรเพื่อผู้อื่นและสังคมได้อีกบ้าง?"
และเป็นหนึ่งในหนังสือไม่กี่เล่มที่จะทำให้คุณรู้สึกอยากขอบคุณผู้เขียนที่ทุ่มเทค้นคว้าและบรรจงเขียนขึ้นมา
=ตัวอย่างเรื่องราวจากในเล่ม=
* Sakurada Atsushi ผู้บริหาร MOS Burger ร้านแฮมเบอร์เกอร์หัวใจญี่ปุ่น
ได้เรียนรู้ตั้งแต่ 3 ขวบตอนช่วยคุณแม่ทำความสะอาดรองเท้าให้คุณพ่อว่า “การทำให้คนอื่นดีใจ
ช่างเป็นสิ่งที่สวยงามอะไรเช่นนี้”
เขาบริหารกิจการแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม คือ
ทุกเช้าพนักงานทุกคนรวมทั้งเขาด้วยจะช่วยกันทำความสะอาดชุมชนให้น่าอยู่อาศัย
การที่ MOS Burger เอาใจใส่ลูกค้าและชุมชนอย่างมากทำให้ลูกค้าให้การสนับสนุนพวกเขาอย่างเหนียวแน่นชนะยักษ์ใหญ่อย่าง
McDonald’s ขาดลอย
* จุดเปลี่ยนจุดหนึ่งในชีวิตของ Yoshida Tadao ผู้ก่อตั้งบริษัทซิป
YKK คือการบ้านในวัยเด็กที่คุณครูให้ลองหาหนังสือชีวประวัติบุคคลสำคัญมาอ่านเพื่อเรียนรู้วิธีคิดของพวกเขา
Yoshida ประทับใจกับคำสอนของ
Andrew Carnegie และเชื่อว่า
เมื่อได้เป็นคนมอบสิ่งหนึ่งสิ่งใดให้ผู้อื่นก่อน สิ่งนั้นก็จะย้อนกลับมา Yoshida เรียกสิ่งนี้ว่า
“วัฏจักรความดี”
*
จากเด็กหญิงลูกครึ่งจีน-ญี่ปุ่นที่เดินทางกลับจากจีนมาญี่ปุ่นในวัย 17
ปีและพูดภาษาญี่ปุ่นแทบจะไม่ได้ และโดนกลั่นแกล้งล้อเลียนมาตลอด Niitsu Haruko ได้กลายมาเป็นพนักงานทำความสะอาดสนามบิน
Haneda ผู้มุ่งมั่นทำงานด้วยใจรักและมีความสุขเพื่อจะมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของสนามบิน
ในที่สุดเธอก็คว้าแชมป์การแข่งขันทำความสะอาดของประเทศได้
เธอเชื่อว่าการทำเพื่อคนอื่นอย่างจริงใจส่งผลดีให้กับตนเอง
* Matsushita Mumeno ภรรยาของผู้ก่อตั้ง Panasonic คือผู้อยู่เบื้องหลังของความสำเร็จของ
Panasonic ที่แท้จริง
ไม่เพียงแต่เธอต้องเสียสละขายข้าวของส่วนตัวเพื่อหาเงินทุนมาให้สามีทำธุรกิจต่อไปได้
เธอยังตื่นแต่เช้าเพื่ออ่านหนังสือพิมพ์ถึง 7 ฉบับ
เพื่อติดตามข่าวคราวเศรษฐกิจและมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ด้วย
และถึงแม้จะประสบความสำเร็จแล้ว เธอก็ยังทำตัวสมถะไปตลาดจ่ายกับข้าวเอง
เธอยืนเคียงข้างและช่วยเหลือสามีไปจนวันที่เขาสิ้นลม โดยตอนที่เขาป่วยหนักอยู่นั้นเธอเองก็ป่วยแต่ปิดบังอาการไว้เนื่องจากเกรงว่าสามีและคนรอบข้างจะเป็นกังวล
* Horiuchi Yoshimi สาวน้อยที่พิการทางสายตา
แต่กลับเป็นผู้ริเริ่มโครงการห้องสมุดเคลื่อนที่ในประเทศไทยตั้งแต่อายุ 26 ปี
เธอเคยมาเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนที่ธรรมศาสตร์ 1 ปี แล้วสังเกตตอนออกทริปไปชนบทว่าเด็ก
ๆ ไม่มีโอกาสได้อ่านหนังสือ เธอเลยแบกหนังสือภาพดี ๆ สนุก ๆ
จากญี่ปุ่นขึ้นรถแล้วตระเวณไปตามจังหวัดเพื่อไปนั่งอ่านหนังสือภาพให้เด็ก ๆ ฟัง
ปัจจุบันเธอสร้างห้องสมุดเคลื่อนที่ที่เชียงใหม่และสุพรรณบุรีสำเร็จแล้วและยังคงตั้งใจทำต่อไป
เธออยากนำหนังสือไปถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ เหมือนรถเข็นขายไอศกรีมที่ไปหาลูกค้าถึงบ้าน
หนังสือชื่อ “Slow Success ยิ่งใหญ่ได้ด้วยก้าวเล็ก ๆ” โดย
เกตุวดี และ วสุ Marumura
Japan Gossip by เกตุวดี Marumura สำนักพิมพ์มติชน พิมพ์ครั้งที่ 1 มีนาคม 25578
184 หน้า ราคา 158 บาท มีจำหน่ายที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วไปและที่เว็บไซต์ www.se-ed.com
------------------------------------------------------------------
เกร็ดน่ารู้:
* เด็กเวียดนามอ่านหนังสือเล่มโดยเฉลี่ยปีละ 60
เล่ม/คน
* คนไทยถึง 40% ไม่อ่านหนังสือเล่มใด ๆ เลย
*
แม้ในหมู่คนไทยที่อ่านหนังสือก็อ่านโดยเฉลี่ยเพียงปีละ 4 เล่ม/คน
คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” นี้
จึงมีขึ้นเพื่อส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาตนเองและประเทศชาติ
เพจ “ดร.ณัชร” เกิดขึ้นจากความตั้งใจที่จะทำความดีถวายในหลวง
-------------------------------------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น