วันอังคารที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” เล่มที่ 427 วันนี้ จะมาคุยถึงหนังสือชื่อ “จงถ่ายเอกสารหน้าสารบัญ แล้วคุณจะเรียนเก่งขึ้น”

อย่าเพิ่งรีบตัดสินเพียงเพราะไม่ อินกับชื่อหนังสือ!



=ภาพรวม=
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือแนวพัฒนาตนเองที่ดีมากเล่มหนึ่งในรอบปีนี้ ไม่น่าแปลกใจที่ได้ขึ้นอันดับ 1 หนังสือขายดีของญี่ปุ่น น่าเสียดายว่าชื่อเล่มภาษาไทยไม่ได้สื่อถึงเนื้อหาหลักของหนังสือเพราะไปหยิบยกเพียง เทคนิคปลีกย่อยขึ้นมาเป็นชื่อให้สะดุดตาแทน
เนื้อหาหลักจะตรงกับชื่อภาษาญี่ปุ่นของหนังสือมากกว่า คือ วิธีการเรียนที่ทำให้ความฝันเป็นจริงได้ซึ่งในที่นี้มีความหมายมากกว่าการเรียนเพียงเพื่อให้สอบผ่านหรือได้คะแนนดีเท่านั้น แต่เป็นการใช้ การเรียนเป็นเครื่องมือค้นหาตนเองและดึงศักยภาพที่มีอยู่ออกมาให้มากที่สุด จะเรียกว่าเป็นการค้นหาจุดมุ่งหมายในชีวิตก็ได้
ผู้เขียนกล่าวว่าเมื่อรู้ว่ามีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไรก็ย่อมใช้ชีวิตได้อย่างมีเป้าหมาย สุดท้ายความสุขก็จะวิ่งเข้ามาหาเราเอง แม้ตอนนี้คุณไม่ได้มีคิดจะเรียนหรือสอบอะไร หนังสือเล่มนี้ก็ยังสามารถชี้ทางให้คุณหาความหมายของชีวิตคุณเจอและทำให้มันเติมเต็มที่สุดทั้งเพื่อตัวคุณเอง เพื่อผู้อื่น และเพื่อมนุษยชาติ
=น่าสนใจจากในเล่ม=
* การสอบผ่านไม่ใช่เป้าหมายที่แท้จริงของชีวิต สิ่งที่สำคัญกว่าคือเป้าหมายของชีวิตหลังจากสอบผ่านแล้วต่างหาก เราจำเป็นต้องรู้ว่าจะสอบให้ผ่านไปเพื่ออะไรกันแน่
* ที่โรงเรียนกวดวิชาของผม ในวันแรกผมจะให้นักเรียนเขียน บันทึกสอบผ่านเพื่อให้พวกเขาตระหนักถึงเป้าหมายที่แท้จริง โดยให้สมมติว่าตัวเองสอบผ่านแล้ว ต้องเขียนความรู้สึกออกมาให้ชัดเจนที่สุด
* การถ่ายเอกสารหน้าสารบัญออกมาก็เพื่อใช้เป็น แผนที่ทำให้มองเห็นภาพรวม เวลาอ่านหนังสือแล้วดูสำเนาหน้าสารบัญประกอบไปข้าง ๆ พร้อม ๆ กันด้วยจะช่วยให้เราเห็นว่าเราอยู่ตรงไหนของภาพรวมนั้น
* หากคุณเคยรู้สึกว่า อุตส่าห์ตั้งใจอ่านหนังสือขนาดนี้ แต่ผลการเรียนไม่เห็นดีขึ้นเลยอาจเป็นไปได้ว่าคุณยังเห็นเป้าหมายตนเองไม่ชัดเจนพอ หรือไม่รู้ว่ากำลังอยู่ตรงไหนบนเส้นทางสู่เป้าหมาย และไม่รู้จุดอ่อนของตัวเอง
* การทุ่มเททำอะไรอย่างเต็มที่ ถึงแม้จะล้มเหลวก็ยังมีอะไรที่เป็นประโยชน์สำหรับครั้งต่อไป แต่ถ้าทำแบบไม่เต็มกำลังจะไม่ได้อะไรเลย
* ตอนเป็นทนายความใหม่ ๆ ผมถูกใช้ถ่ายเอกสารทั้งวันและไม่พอใจมาก จนผู้บริหารระดับสูงคนหนึ่งเดินมาบอกว่า ต้องทำงานที่ได้รับมอบหมายในตอนนี้ให้เก่งเป็นอันดับหนึ่งให้ได้ เพราะนั่นคือทางลัดไปสู่การเป็นทนายความที่เก่งที่สุดในญี่ปุ่น
* เราจำเป็นต้องเชื่อมั่นว่างานที่ได้รับมอบหมายมานั้นมีประโยชน์บางอย่าง จากนั้นก็ทุ่มเทให้กับมันอย่างสุดตัว ทัศนคติแบบนี้เท่านั้นที่จะช่วยให้เราเรียนรู้จากการทำงานนั้นได้ นอกจากนี้ การรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตนก็จะช่วยให้เราซึมซับสิ่งใหม่ ๆ ได้ง่ายขึ้น
* การจะสอบผ่านหรือไม่ผ่านเป็นผลลัพธ์มาจาก ความสามารถ x ความตั้งใจ x วิธีเรียนต้องระวังไม่ให้อย่างหนึ่งอย่างใดเป็นศูนย์หรือติดลบ
* เมื่อมีสิ่งที่ทำให้กังวล ให้เขียนสิ่งที่คิดออกมาจะช่วยให้แก้ปัญหาได้ง่ายกว่าการเอาแต่เก็บไว้ในหัว นอกจากนี้ให้ใช้พลังคำพูดบวกปลุกพลังใจตนเองด้วยว่า ถ้าจะทำก็ทำได้เพราะไม่ว่าจะเป็นคำพูดใด ถ้าพูดซ้ำ ๆ จนฝังลงไปในสมองก็จะกลายเป็นจริงได้ในที่สุด
* วิธีรับช่วง มือตกระหว่างการเรียนหรือทำงานก็คือเตรียม สมุดโน้ตอารมณ์ดีที่พอได้ดูแล้วทำให้มีกำลังใจเอาไว้ก่อน เช่นอาจเขียนข้อดีของตนเองเอาไว้สิบข้อ เพราะตอนที่ มือตกคนเรามักเห็นแต่ข้อเสียของตนเอง
* นอกจากนี้ให้เขียน บันทึกความฝันเอาไว้ด้วย คือการเขียนทุกเรื่องที่อยากทำในอนาคตหรือหลังจากสอบผ่าน เช่น อยากสารภาพรักกับคนที่แอบชอบ ฯลฯ ช่วงใดรู้สึกท้อก็ให้หยิบขึ้นมาอ่าน จะเกิดแรงฮึดและความทุ่มเทขึ้นมาใหม่เอง
* เวลารู้สึกแย่ ถ้ารู้ว่าเราควรทำอะไรบ้างเพื่อให้เดินหน้าไปสู่เป้าหมายที่แท้จริง เราก็มีแนวโน้มจะกลับมารู้สึกดีดังเดิมได้
* เมื่อต้องตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิต ให้เลือกเส้นทางที่ทำให้รู้สึกตื่นเต้นมากกว่า เพราะสุดท้ายแล้วไม่ว่าจะเลือกอะไรก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงความเสี่ยงและอุปสรรคในอนาคตได้ จึงควรเลือกอนาคตแบบที่จะทำให้เราตื่นเต้นได้แม้ต้องเผชิญกับความยากลำบาก
* วิธีเอาชนะนิสัยมองโลกในแง่ร้าย 1) อย่าคิดว่าตัวเองแย่ไปเสียทุกเรื่องเพียงเพราะมีจุดอ่อนบางอย่าง 2) อย่ายอมให้ความล้มเหลวอยู่กับเราอย่างถาวร
* ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรล้วนขึ้นอยู่กับมุมมองของตนเอง เช่น คนที่มองว่า อายุตั้ง 30 ปีกับคนที่มองว่า เพิ่งจะอายุ 30 ปีเองจะใช้ชีวิตที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
* เวลารู้สึกแย่ ๆ ให้ขึ้นไปชมวิวเมืองบนที่สูง ๆ หรือมองภาพโลกจากอวกาศ แล้วจะเห็นว่าความกังวลของเราเป็นเรื่องเล็กนิดเดียว
* คำถาม 3 ข้อที่ควรถามตนเองเสมอ คือ 1) เป้าหมายในชีวิตของคุณคืออะไร 2) เพราะอะไรคุณถึงคิดอย่างนั้น 3) คุณทำอะไรเพื่อให้ได้ไปถึงเป้าหมายนั้นบ้าง
* เมื่อเกิดความลังเลสงสัยว่าจะเอายังไงดีในการทำงานหรือแผนการชีวิตของตนเอง ให้คิดย้อนกลับไปสมัยที่ตนเองยังเป็นเด็ก สิ่งที่คุณอยากทำตอนเด็ก ๆ คืออะไร ตัวตนที่แท้จริงของคุณจะอยู่ตรงนั้น มองให้ดีแล้วคุณจะมองเห็นสิ่งที่คุณอยากทำ ณ ปัจจุบันจริง ๆ
* ถ้าคุณอยากทำสิ่งที่ถูกต้องเพื่อสังคมอย่างแท้จริงด้วยความตั้งใจดี ให้เขียนออกมาและเล่าให้คนอื่นฟัง เพราะมันจะดึงดูดสิ่งดี ๆ เข้ามาและทำให้ความฝันของคุณเป็นจริงได้ (ผู้เขียนยกตัวอย่างกรณีที่ตนเองทำสำเร็จประกอบ)
* อย่าคบกับคนที่ชอบบ่นว่า ทำแบบนั้นไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกและจงพูดกับตัวเองเสมอ ๆ ว่า ถ้าจะทำก็ทำได้ ต้องทำได้แน่ ๆ
* ไม่จำเป็นต้องวาดฝันใน 10 ปีข้างหน้าให้ชัดเจนก็ได้ นึกคร่าว ๆ ก็พอ เพราะถ้าเราพยายามจะกำหนดภาพให้ชัดเจนตอนนี้หมายความว่าเราปล่อยให้ตัวเราในปัจจุบันซึ่งยังอ่อนประสบการณ์เป็นผู้กำหนดภาพอนาคต เรายังจะได้เรียนรู้อะไรอีกมากจากวันนี้ไปจนถึง 10 ปีข้างหน้า
* คนเรามีชีวิตอยู่ด้วยการแสวงหาความสำเร็จ ความสุข และความพอใจ แต่เนื่องจากมนุษย์ไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ตามลำพัง การทำเพื่อความพอใจส่วนตัวจึงส่งผลต่อคนอื่นด้วยเช่นกัน ทำให้แต่ละคนกลายเป็นแรงบันดาลใจของกันและกัน และผลักดันให้แต่ละคนค่อย ๆ พัฒนาขึ้นกว่าเดิม ซึ่งส่งผลถึงการขับเคลื่อนมนุษยชาติด้วย
* สิ่งสำคัญที่สุดที่ผมได้รับจากการเรียนคือการได้รู้ ภารกิจของตนเองและ ความหมายในการมีชีวิตอยู่ผมเชื่อว่าทุกคนที่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ต้องมีความหมายบางอย่าง เราจึงได้เกิดมาในยุคสมัยนี้ ประเทศนี้ และสถานที่แห่งนี้ (ในเล่มมียกตัวอย่างเรื่องราวน่าประทับใจที่ผู้เขียนได้ให้คำแนะนำลูกศิษย์คนหนึ่งไว้)
หนังสือชื่อ จงถ่ายเอกสารหน้าสารบัญ แล้วคุณจะเรียนเก่งขึ้นโดย อิโต มะโกะโตะ แปลโดย โยซุเกะ, พิมพ์รัก สุขสวัสดิ์ สำนักพิมพ์วีเลิร์น 2559 215 หน้า ราคา 175 บาท มีจำหน่ายที่ร้านหนังสือชั้นนำหรือที่เวบไซต์ของซีเอ็ดที่ลิ้งค์นี้ https://goo.gl/q28AFG
------------------------------------------------------------------
เกร็ดน่ารู้:
* เด็กเวียดนามอ่านหนังสือเล่มโดยเฉลี่ยปีละ 60 เล่ม/คน
* คนไทยถึง 40% ไม่อ่านหนังสือเล่มใด ๆ เลย
* แม้ในหมู่คนไทยที่อ่านหนังสือก็อ่านโดยเฉลี่ยเพียงปีละ 4 เล่ม/คน
คอลัมน์ ดร.ณัชร จัดหนังสือนี้ จึงมีขึ้นเพื่อส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาตนเองและประเทศชาติ โดยผู้วิจารณ์เลือกอ่านเองโดยอิสระไม่ได้รับจ้างสำนักพิมพ์ใดมาเขียน

เพจ ดร.ณัชรเกิดขึ้นด้วยความตั้งใจที่จะทำความดีถวายในหลวง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น