วันอังคารที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” เล่มที่ 441 วันนี้ จะมาคุยถึงหนังสือชื่อ “17 หลักคิด เป็นนายให้ลูกน้องรัก เป็นผู้นำให้โลกจดจำ”

ภาวะผู้นำแบบญี่ปุ่นเป็นอย่างไร?



=ภาพรวม=
หนังสือเล่มนี้เขียนโดยอดีตประธานบริษัทโทเรของญี่ปุ่น ผู้เขียนไม่ได้เพียงรวบรวมข้อคิดที่ได้โดยตรงจากประสบการณ์การทำงานของตนเองเท่านั้น แต่ยังกลั่นกรองมาจากการศึกษาผู้นำระดับตำนานของญี่ปุ่นทั้งในประวัติศาสตร์และผู้นำร่วมสมัย ตลอดจนถึงผู้นำในองค์กรธุรกิจชาวตะวันตกด้วย
ดังนั้นในเล่มจึงมีเรื่องเล่าที่สร้างแรงบันดาลใจมากมาย
นอกจากนี้ผู้เขียนยังกล้าเปิดเผยปัญหาที่ครอบครัวตนเองต้องเผชิญ เช่น มีลูกชายคนโตเป็นออทิสติกและมีภรรยาที่ล้มป่วยด้วยโรคตับอักเสบและซึมเศร้าจนถึงพยายามฆ่าตัวตายถึง 3 ครั้ง ทำให้เขานอกจากจะต้องทำงานหนักแล้วยังต้องดูแลภรรยาและลูก ๆ ในเวลาเดียวกันด้วย
ผู้เขียนยกตัวอย่างให้เห็นโดยเฉพาะในบทท้าย ๆ ว่า เพราะการเผชิญปัญหาหนักหนาสาหัสอย่างนั้น จึงได้เรียนรู้ว่าความเป็นผู้นำคืออะไร ทุก ๆ คนเป็นผู้นำได้ทั้งนั้น แม้แต่ลูกสาวที่อยู่ป.5 ของผู้เขียนที่ลุกขึ้นมาหัดทำอาหารด้วยตนเองโดยไม่มีใครบอกเพื่อแบ่งเบาภาระพ่อยามเมื่อแม่ป่วยหนัก
=น่าสนใจจากในเล่ม=
* ภาวะผู้นำไม่ใช่สิ่งที่เรียกร้องเอาจากผู้อื่น เราควรตั้งคำถามกับตัวเองด้วยว่า แล้วฉันล่ะ เป็นผู้นำกับเขาได้หรือเปล่า
* ผู้นำที่แท้จริงจะทำให้คนสมัครใจและมีความสุขที่จะตามเขา
* โอยามุ ฮิโรมุ ประธานบริษัทผลิตชอล์กเขียนกระดานชื่อ Nihon Rikagaku Industry มีพนักงานทั้งหมด 73 คน และพนักงานกว่า 70% เป็นผู้พิการทางสมอง จุดเปลี่ยนที่ทำให้เขารับผู้พิการทางสมองเข้ามาเป็นพนักงานประจำจำนวนมากคือคำพูดของเจ้าอาวาสวัดพุทธองค์หนึ่งที่บอกเขาว่า
ความสุขของมนุษย์เราไม่ได้อยู่ที่ข้าวของหรือเงินทอง ความสุขที่แท้จริงของมนุษย์มีอยู่ 4 อย่าง นั่นคือ การได้รับความรักจากผู้อื่น การได้รับคำชมจากผู้อื่น การที่ตัวเองมีประโยชน์ต่อผู้อื่น และการเป็นที่พึ่งพาของผู้อื่น
หลังจากได้ยินคำพูดนี้ คุณโอยามุก็บอกกับตัวเองว่าจะต้องปกป้องความสุข(จากการได้ทำงาน)ของเด็กพิการที่มาทำงานที่บริษัทเขาไว้ให้ได้อย่างดีที่สุด
ถึงแม้บริษัทจะประสบความสำเร็จอย่างมาก คุณโอยามุก็ยังพูดถ่อมตัวอยู่เสมอว่า เป็นโชคของบริษัทที่อยู่ในธุรกิจที่มีการแข่งขันน้อย
ความอ่อนน้อมถ่อมตัวและการยอมรับฟังความเห็นของพนักงานในบริษัทของคุณโอยามุนี้เองที่ทำให้เขาเป็นผู้นำที่แท้จริง
* โดะโค มาซาโอะ นักเศรษฐศาสตร์ที่มีส่วนในการฟื้นฟูประเทศญี่ปุ่นหลังสงครามโลก เคยเขียนบันทึกถึงกลอนท่อนหนึ่งของ วิลเลียม เวอร์ดสเวอร์ด กวีชาวอังกฤษไว้ว่า จงเป็นอยู่เรียบง่าย คิดถึงการเสียสละ” (plain living, high thinking)
* มีคนงานก่ออิฐอยู่สองคน เมื่อถูกถามว่า คุณกำลังทำอะไรอยู่น่ะคนแรกตอบว่า ฉันกำลังก่ออิฐอยู่ส่วนคนที่สองตอบว่า ผมกำลังสร้างโบสถ์อยู่ครับเมื่อเปรียบเทียบกัน การก่ออิฐโดยมีวิสัยทัศน์ว่า จะสร้างโบสถ์เพื่อคนในโลกให้คุณค่าแก่การทำงานมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด
* โอคุระ มาซาโอะ กล่าวไว้ว่า สำหรับผม บริษัทเป็นสถานที่ที่ใช้ขัดเกลาตัวเองและค้นหาตัวตนที่แท้จริงเท่านั้น ไม่ใช่สิ่งที่เราจะให้เป็นนายเหนือการควบคุมของเรา
* การเขียนอะไรลงไปในกระดาษ ทำให้ตัวเราได้เผชิญหน้ากับคุณค่าที่ตนเองให้ความสำคัญ เพราะเมื่อเขียนลงกระดาษแล้ว เราจะเห็นอุปสรรคและความขัดแย้งในตัวเองชัดเจนเป็นรูปธรรมมากขึ้น
* สำหรับคนเป็นผู้นำ คำพูดเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เพราะไม่ว่าเราจะตั้งใจดีเยี่ยมแค่ไหน ถ้าไม่สามารถสื่อให้คนอื่นเข้าใจก็ไม่ต่างกับการไม่ได้มีความตั้งใจนั้นเลย ดังนั้นผู้นำจึงต้องหมั่นขัดเกลาคำพูดของตัวเองเสมอโดยการเขียนความตั้งใจนั้น ๆ ออกมา
* ผู้นำต้องรักษาสมดุลระหว่าง ปัญญา ความรู้สึก และความตั้งใจ โดยปัญญาคือ ความรู้ความฉลาด ความรู้สึก หมายถึง ความรักในการทำสิ่งนั้น และความตั้งใจ หมายถึง ความมุ่งมั่นที่จะทำ” – ชิบูยะ เออิจิ
* เมื่อ ทานากะ เคนอิจิ ได้รับมอบหมายให้เป็นประธานบริษัท โจอุริ และต้องทำหน้าที่ฟื้นฟูองค์กรที่ขาดทุนต่อเนื่อง 30 ปีครั้งใหญ่ เขาจำเป็นต้องลดจำนวนพนักงาน แต่เขาก็พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อจะหางานใหม่ให้กับคนเหล่านั้นให้ได้ โดยสละเวลาศึกษาประวัติการทำงานของแต่ละคนเพื่อที่จะหางานที่เหมาะสมให้ด้วย
* ไม่ต้องพยายามหาเหตุผลที่เราทำอะไรบางอย่างไม่ได้ แต่ให้พยายามหาเหตุผลที่จะทำให้ได้แทน แม้ว่าตอนนี้จะเป็นเรื่องยากที่จะให้ลงมือทำทันที แต่คนแบบนั้นได้จะสร้างปาฏิหาริย์ได้ ทั้งชีวิตและโชคชะตาก็จะเปลี่ยนตามไปด้วย
* การเรียนรู้เคล็ดลับความสำเร็จจากอุตสาหกรรมประเภทอื่นก็เป็นสิ่งสำคัญ โอคุระ มาซาโอะ ประธานบริษัทขนส่งยามาโตะเห็นตัวอย่างจากร้านอาหารโยชิโนยะที่ยกเลิกเมนูที่มีความหลากหลายของร้านและมุ่งทำแต่ข้าวหน้าเนื้อ (กิวด้ง) เพียงอย่างเดียวและประสบความสำเร็จ จึงนำแนวคิดนี้มาปรับลดกิจการขนส่งของตนเองไปโฟกัสสิ่งที่ยามาโตะถนัดเพียงอย่างเดียว คือ บริการส่งของด่วนโดยไปรับถึงบ้าน
* คนที่จะเป็นผู้นำในอนาคตจะต้องใจกว้างและมองข้ามความแตกต่างได้ ตัวอย่างคือกรณีการร่วมมือกันระหว่างบริษัทรถยนต์นิสสันและเรโนลด์ ผู้บริหารทั้งสองฝ่ายต่างรับรู้ถึงคุณค่าของความแตกต่างระหว่างกัน ยอมรับลักษณะเฉพาะของกันและกัน พร้อมทั้งเคารพกันและกันได้
* คาร์ลอส กอน ผู้นำในการปฏิรูปนิสสันเดินทางมาญี่ปุ่นพร้อมกับทีมของเขาเพียง 17 คน ซึ่งน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนพนักงาน 150,000 คนของนิสสัน เขากำชับทีมเขาว่า อย่าคิดที่จะเปลี่ยนนิสสันนะ แต่เราจะมาช่วยเขาสร้างบริษัทขึ้นมาใหม่ ทำให้สำเร็จและเขาก็ทำสำเร็จ
* การลงทุนกับเครื่องจักรและการศึกษาสภาพของตลาดเป็นสิ่งจำเป็นก็จริง แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการรักษาแรงจูงใจในการทำงานและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวขององค์กร
* องค์กรต้องการผู้นำที่ปล่อยมือลูกน้องที่เก่งและหันมาพัฒนาลูกน้องที่ไม่เก่งให้เป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ คนเราเปลี่ยนแปลงกันได้ จงรู้จักใช้ประโยชน์จากคนทุกประเภท
* นิวะ อุอิจิโร ผู้พลิกฟื้นธุรกิจของบริษัทการค้าอิโตชูจากมีหนี้เสียถึง 395,000 ล้านเยนมามีกำไรสูงสุดในประวัติศาสตร์ได้ภายในปีเดียวเคยกล่าวอย่างถ่อมตัวไว้ว่า ตนเองเป็นเพียง ช่างทำความสะอาดที่มารื้อเก็บกวาดบริษัทอิโตชู เมื่อทำสำเร็จก็สละตำแหน่งอย่างง่ายดายไม่ยึดติด
คุณนิวะถ่อมตัวเสมอว่า ถ้าไม่ได้เป็นประธานบริษัทแล้ว ตัวเองก็ไม่ต่างอะไรกับลุงแก่ ๆ คนหนึ่ง
แต่รัฐบาลญี่ปุ่นจับตาดูอยู่จึงไม่ปล่อยให้ผู้บริหารมือฉมังหลุดมือไปได้ จึงแต่งตั้งให้คุณนิวะดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญประจำประเทศจีน
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า คนที่ดำรงตำแหน่งสูงแล้วทำตัวว่าเก่งกาจ คนทั่วไปจะไม่มองเช่นนั้น แต่คนที่อยากเป็นแค่คุณลุงธรรมดา ๆ คนหนึ่งเท่านั้นต่างหากที่โลกกลับไว้วางใจมอบตำแหน่งผู้นำให้
* ผู้นำที่แท้จริงเท่านั้นจะได้รับความเคารพรักจากคนอื่นแม้เขาจะหมดอำนาจแล้วก็ตาม
* พระเจ้าถังสมัยราชวงศ์ซางตรัสเอาไว้ว่า วันใหม่เกิดขึ้นทุกวัน ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
โดะโค มาซาโอะ อธิบายเพิ่มว่า วันนี้คือวันนี้ เป็นวันที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก เบื้องบนได้มอบไว้ให้เราทุก ๆ คนอย่างเท่าเทียมกัน...เพราะฉะนั้นจงใช้หนึ่งวันที่มีค่าเช่นนี้ให้คุ้มค่า สิ่งที่ทำวันนี้ก็จะเป็นเรื่องใหม่ว่าสิ่งที่ทำไปเมื่อวาน สิ่งที่ทำวันพรุ่งนี้ก็ต้องใหม่กว่าวันนี้ จงตั้งใจไว้แบบนี้เสมอ...
* คนที่ใช้ชีวิตอย่างจริงใจกับความรู้สึกตัวเอง หรือคนที่ให้กำลังใจและให้ความกล้ากับคนอื่น รวมถึงคนที่ทำงานด้วยแล้วสนุก คนเหล่านี้ต่างหากที่เป็นผู้นำในความคิดผม
หนังสือชื่อ 17 หลักคิด เป็นนายให้ลูกน้องรัก เป็นผู้นำให้โลกจดจำโดย ทสึเนะโอะ ซาซากิ สำนักพิมพ์สุขภาพใจ พิมพ์ครั้งที่ 2 กุมภาพันธ์ 2559 176 หน้า ราคา 160 บาท มีจำหน่ายที่ร้านหนังสือชั้นนำและเวบไซต์ร้านหนังสือทั่วไป
------------------------------------------------------------------
เกร็ดน่ารู้:
* เด็กเวียดนามอ่านหนังสือเล่มโดยเฉลี่ยปีละ 60 เล่ม/คน
* คนไทยถึง 40% ไม่อ่านหนังสือเล่มใด ๆ เลย
* แม้ในหมู่คนไทยที่อ่านหนังสือก็อ่านโดยเฉลี่ยเพียงปีละ 4 เล่ม/คน

คอลัมน์ ดร.ณัชร จัดหนังสือนี้ จึงมีขึ้นเพื่อส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาตนเองและประเทศชาติ โดยผู้วิจารณ์เลือกอ่านเองโดยอิสระไม่ได้รับจ้างสำนักพิมพ์ใดมาเขียน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น