หนังสือที่พลาดไม่ได้จากนักจิตวิทยาญี่ปุ่น ถ้าคุณอยากสื่อสารกับเพศตรงข้ามให้ได้ผล
=ภาพรวม=
หนังสือเล่มนี้เขียนโดยนักจิตวิทยาชาวญี่ปุ่นผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาการสื่อสารระหว่างชายหญิง ถึงแม้ในเล่มจะเน้นไปที่การสอนคุณผู้ชายให้เขาใจวิธีคิดของผู้หญิง, แปลคำพูดของเธอเป็น และรู้วิธีพูดกับเธอให้ราบรื่น แต่ก็จะสลับด้วยคำแนะนำสำหรับคุณผู้หญิงในการพูดกับผู้ชายให้ได้ผลเช่นกัน
และแม้ผู้เขียนจะมีดีกรีถึงระดับปริญญาเอกด้านจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยดังของญี่ปุ่น และถึงแม้ว่าเนื้อหาจะมาจากการค้นคว้าวิจัยอีกทั้งกลั่นกรองมาจากประสบการณ์ให้คำปรึกษา แต่วิธีนำเสนอในเล่มนั้นสนุกสนาน เรียบง่าย เห็นภาพชัดชนิดที่ทั้งคุณผู้อ่านทั้งชายและหญิงคงจะหัวเราะออกมาดัง ๆ เพราะตนเองก็น่าจะเคยอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้นเหมือนกัน
ไม่ว่าคุณกำลังคิดจะเดทกับใคร หรือเพียงต้องการสื่อสารกับหัวหน้า ลูกน้อง เพื่อนร่วมงานเพศตรงข้ามให้ได้ประโยชน์สูงสุดทั้งสองฝ่ายและไม่ทำร้ายจิตใจกันโดยไม่ได้ตั้งใจ หนังสือเล่มนี้มีคำตอบ
=น่าสนใจจากในเล่ม=
* การสื่อสารระหว่างชายและหญิงให้ราบรื่นเป็นเรื่องยากเพราะโครงสร้างทางด้านจิตใจและรูปแบบการสื่อสารของทั้งสองเพศนั้นต่างกัน
* รูปแบบการสนทนาของผู้หญิงจะเป็นในลักษณะการแสดง “ความรู้สึกร่วม” ในขณะที่ผู้ชายจะสนทนาในลักษณะคุยเรื่องทฤษฎีความถูกต้องหรือการแสดงความเห็นของตนอย่างตรงไปตรงมา
* ทั้งนี้เนื่องจากตอนเด็ก เด็กผู้ชายจะถูกอบรมมาว่า แพ้ใครไม่ได้ และไม่พึ่งพิงใครทั้งสิ้น ในขณะที่เด็กผู้หญิงได้รับการอบรมมาให้เป็นมิตรกับทุก ๆ คน
* หากสุภาพบุรุษคนใดต้องการสื่อสารเก่ง ๆ กับผู้หญิง สิ่งสำคัญคือการรู้จักเป็นฝ่าย “ตั้งคำถาม” แล้วค่อย ๆ รับฟังด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม และแสดง “ความรู้สึกร่วม” เป็นระยะ ๆ เช่น “จริงด้วยนะ” หรือ “อ๋อ อย่างนี้นี่เอง”
เช่น ถามผู้หญิงว่า วันนี้กินอะไรมา หรือถ้าผู้หญิงบอกว่าไปช้อปปิ้งมา ก็ถามต่อว่าซื้ออะไรมาบ้าง เป็นต้น
* แต่ไม่ใช่ให้แสดงความรู้สึกร่วมตะบี้ตะบัน บางครั้งผู้หญิงก็อยากให้ปฏิเสธเหมือนกัน เช่น ถ้าผู้หญิงบอกว่า “หมู่นี้รู้สึกอ้วนขึ้น” หรือ “ชุดนี้ดูไม่เข้ากับฉันเลยนะ” ห้ามแสดงความรู้สึกเห็นด้วยเด็ดขาด!
* กรณีที่ผู้หญิงบอกเล่าเรื่องราวที่ผู้ชายมองว่าไม่สลักสำคัญอะไร ให้เข้าใจว่าผู้หญิงต้องการให้รับรู้เรื่องราวร่วมกัน อีกประการหนึ่งคือผู้หญิงกำลังประเมินท่าทีว่าผู้ชายสนใจรับฟังเรื่องราวที่เธอเล่าหรือไม่ ถ้ามีก็เท่ากับว่าเขาสนใจ ใส่ใจ และรักเธอนั่นเอง
* สำหรับผู้ชายนั้น การสนทนาที่ไม่รู้ว่าต้องการอะไรอย่างชัดเจนจะดำเนินต่อได้ยาก เช่นถ้าผู้หญิงพูดว่า “ฉันเป็นคนขี้อายนะ คุณเห็นว่าเป็นอย่างนั้นไหม?” สิ่งที่ผู้หญิงต้องการก็คือ “อยากให้คุณสนใจในตัวฉันบ้าง”
* เมื่อผู้หญิงคุยถึงความฝันของเธอ ผู้ชายก็ร่วมคุย ร่วมฝันกับเธอเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องแสดงความคิดเห็นของตัวเองตามจริงหรือถกเถียงตีแผ่ความจริงแบบอ้างอิงทฤษฎีหรือหาทางออกให้อย่างไรเลย
* ถ้าผู้หญิงบอกว่า “คุณช่างไม่เข้าใจฉันเอาเสียเลยนะ” ให้ถามกลับว่า “ทำไมคุณคิดอย่างนั้นล่ะ?” เพราะผู้หญิงพูดอย่างนั้นเพราะเธออยากจะบอกเหตุผล เช่น “ก็ตอนนั้นไง...คุณพูดอย่างนี้ใช่ไหม...ทำให้ฉันรู้สึกอ้างว้างขึ้นมาจับใจเลย” ถึงตอนนั้น ผู้ชายต้องสำนึกผิดแล้วบอกว่า “ขอโทษนะ” แค่นี้ก็ได้คะแนนเต็ม 100 แล้ว
* ประโยคที่ผู้หญิงชอบถามว่า “วันนี้ทำอะไรบ้างเหรอ” ผู้ชายจะรู้สึกหงุดหงิดว่าทำไมต้องคอยรายงานว่าทำอะไรที่ไหนทุกอย่างให้เธอรู้ แต่สำหรับผู้หญิงแล้วประโยคนี้เป็นเหมือนเพียงการแลกเปลี่ยนข่าวสารกันว่าวันนี้เกิดอะไรบ้างเท่านั้น ไม่มีความหมายสำคัญอะไรเลย คล้าย ๆ กับประโยค “วันนี้อากาศดีจังนะ”
* ประเด็นสำคัญก็คือ ต้องถามเธอกลับด้วยคำถามเดียวกันนี้ด้วย เพราะผู้หญิงคาดหวังให้ผู้ชายถามกลับอย่างเดียวกัน ถ้าทำได้จะนำไปสู่การสนทนาที่สร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้หญิงได้เป็นอย่างมาก
* เมื่อถูกผู้หญิงถามว่า “ชุดไหนดีนะ” วิธีเอาตัวรอดง่าย ๆ ก็คือถามกลับไปว่า “คุณคิดว่าชุดไหนล่ะ?”
* เมื่อผู้หญิงมาบ่นว่าเบื่อที่ทำงาน เธอไม่ได้อยากถูกคุณอบรม เพียงแต่อยากให้ช่วยรับฟังเรื่องของเธอ ดังนั้นจึงควรถามเธอว่า “ทำไมล่ะ?” เธอจะดีใจที่คุณใส่ใจความรู้สึกของเธอ แล้วเธอก็จะเล่าให้คุณฟังว่าเกิดอะไรขึ้น
* ส่วนฝ่ายหญิงเมื่อได้ระบายเรื่องหยุม ๆ หยิม ๆ ให้ฝ่ายชายฟังแล้ว ก็ควรกล่าวตอนท้ายด้วยว่า “ขอบคุณที่รับฟัง ทำให้ฉันปลอดโปร่งขึ้นเยอะเลย” ด้วย นี่คือรางวัลตอบแทนสำหรับผู้ชายแล้ว
* รูปแบบการสนทนาแบบผู้หญิงนั้น แม้จะหาข้อสรุปไม่ได้ก็ไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่ การพูดคุยกันคือหลักฐานแสดงว่าคุณให้ความสำคัญกับฉัน กล่าวได้ว่า ผู้หญิงให้ความสำคัญกับขั้นตอนกระบวนการ ส่วนผู้ชายมุ่งเน้นผลลัพธ์และข้อสรุป
* ผู้ชายจะเปิดปากก็ต่อเมื่อมีข้อสรุปแล้ว แต่ผู้หญิงจะเป็นสไตล์หาข้อสรุปจากการพูดคุยไปเรื่อย ๆ ดังนั้นแม้จะยังหาข้อสรุปไม่ได้ ผู้ชายก็ควรบอกสักนิดว่า “กำลังคิดอยู่นะ” เพียงเท่านี้ก็จะลดความไม่สบอารมณ์ของเธอลงได้
* การสนทนาแบบผู้ชายจะบอกข้อสรุปก่อน แต่การสนทนาแบบผู้หญิงจะบอกข้อสรุปในตอนท้าย สำหรับผู้ชายถ้าไม่บอกข้อสรุปก่อนจะจินตนาการเรื่องราวทั้งหมดไม่ออก
* ผู้หญิงถือว่า “การเอาเรื่องมาปรึกษา = การให้ความสำคัญกับฉัน” แต่ผู้ชายแล้วคิดตรงกันข้ามว่า เพราะเป็นคนสำคัญ จึงไม่อยากนำเรื่องมาทำให้ไม่สบายใจ จึงไม่อยากปรึกษา
* ผู้ชายไม่คุ้นเคยกับเรื่องทุกข์ใจของผู้หญิงก็เพราะว่าเรื่องทุกข์ของผู้ชายและผู้หญิงนั้นไม่เหมือนกัน ผู้หญิงจะทุกข์ใจในเรื่องมนุษยสัมพันธ์หรือเรื่องอารมณ์ความรู้สึกเสียมาก แต่ผู้ชายมักกลุ้มใจเกี่ยวกับความประพฤติ การกระทำ จึงทำให้ผู้ชายมองความทุกข์ใจของผู้หญิงว่าเป็นเรื่องไม่สำคัญอะไร
* ผู้หญิงจะถนัดในการอ่านอะไรให้ลึก ๆ ขนาดล้วงลึกถึงจุดมุ่งหมายเบื้องหลังคำพูดกันทีเดียว แต่ผู้ชายไม่ได้คิดอะไรลึกซึ้ง ส่วนมากคิดอย่างไรก็พูดออกมาอย่างนั้น หมายความตามคำพูด
* วิธีพูดที่จะช่วยให้การสื่อสารกับผู้หญิงราบรื่นคือ ให้คอยถามหรือพูดว่า “ตัวคุณเองคิดอย่างไรหรือ?” “วันนี้สนุกจังนะ” “คุณก็พยายามมาตลอดนี่นะ” “ยินดีให้คำปรึกษาเสมอ” “ขอบคุณ” “ขอบคุณที่ช่วยบอก” “ผมผิดเอง” “ขอโทษที่ทำให้คุณคิดอย่างนั้น” “คุณใส่ชุดอะไรไปหรือ?” “คุยกับเพื่อนเรื่องอะไรบ้าง?” “แล้วรู้สึกอย่างไร สนุกไหม”
* ไม่จำเป็นต้องหัดพูดทุกประโยคในหนังสือ ขอเพียงตั้งใจทดลองพูดจริงสัก 1 ประโยค คุณน่าจะรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลง และถ้าลองตั้งใจทำสัก 1 อย่าง จะทำให้คุณมีความรู้สึกไวต่ออย่างอื่นด้วย จนส่งผลต่อวิธีการพูดและการปฏิบัติต่อเธอในที่สุด
หนังสือชื่อ “พูดแบบนี้ผู้หญิง “ถูกใจ” ผู้ชายทราบแล้ว “เปลี่ยน”” โดย Akira Ito แปลโดย สุภา ปัทมานันท์ หนังสือ แนะนำ สำนักพิมพ์ ส.ส.ท. TPA publishing พิมพ์ครั้งที่ 1 กรกฎาคม 2558 192 หน้า ราคา 180 บาท มีจำหน่ายที่ร้านหนังสือชั้นนำและเวบไซต์ร้านหนังสือทั่วไป
------------------------------------------------------------------
เกร็ดน่ารู้:
------------------------------------------------------------------
เกร็ดน่ารู้:
* เด็กเวียดนามอ่านหนังสือเล่มโดยเฉลี่ยปีละ 60 เล่ม/คน
* คนไทยถึง 40% ไม่อ่านหนังสือเล่มใด ๆ เลย
* แม้ในหมู่คนไทยที่อ่านหนังสือก็อ่านโดยเฉลี่ยเพียงปีละ 4 เล่ม/คน
คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” นี้ จึงมีขึ้นเพื่อส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาตนเองและประเทศชาติ โดยผู้วิจารณ์เลือกอ่านเองโดยอิสระไม่ได้รับจ้างสำนักพิมพ์ใดมาเขียน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น