ถ้าคุณอ่านคู่มือสอนมือใหม่บริหารเงินเล่มอื่น ๆ แล้วเครียด ลองอ่านเล่มนี้ดู
=ภาพรวม=
หนังสือเล่มนี้แตกต่างจากคู่มือสอนการบริหารเงินสำหรับมือใหม่ทั่วไปตรงที่มีการ์ตูนประกอบเป็นเรื่องราวของชายหนุ่มผู้เชี่ยวชาญเรื่องการบริหารเงินสอนหญิงสาวที่ไม่เคยมีพื้นฐานด้านการเงินมาก่อน ในเล่มแบ่งออกเป็น 5 หมวดด้วยกัน คือ 1) การเตรียมใจ 2) หา 3) ออม 4) จ่าย และ 5) ลงทุน
เสน่ห์ของเล่มนี้อยู่ที่การอ่านเพลิน เข้าใจง่าย และการซอยเรื่องราวทางการเงินออกเป็นบทย่อย ๆ โดยแต่ละบทมีความยาวเพียง 2-3 หน้าแล้วคั่นด้วยการ์ตูน ดังนั้นพอคุณผู้อ่านรู้สึกว่าเนื้อหาเริ่ม “หนัก” ขึ้นมาก็จะได้พักสมองด้วยการ์ตูนที่ทำหน้าที่ดำเนินเรื่องและสรุปเนื้อหาของแต่ละบทไปในเวลาเดียวกัน
ถ้าคุณเคยอ่านคู่มือสอนบริหารการเงินเล่มอื่น ๆ ไป 2-3 หน้าแล้วเริ่มอยากหยุดอ่าน เล่มนี้คือคำตอบ
=น่าสนใจจากในเล่ม=
* คนเราจะเริ่มมีชีวิตการเงินที่ดีขึ้นได้อย่างไร? เคล็ดลับอย่างหนึ่งคือจะต้องมี “จุดเปลี่ยน” ซึ่งเป็นจุดตัดสินใจที่จะส่งผลต่อการดำเนินชีวิตต่อจากนี้ เป็นการตัดสินใจที่พร้อมจะยอมทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อต่อสู้กับอาการไร้วินัยในอดีต
* ตัวอย่าง “จุดเปลี่ยน” คือ การค้นพบความฝันของตนเองแล้วอยากทำให้ฝันเป็นจริง การตกหลุมรักใครสักคนแล้วอยากดูแลคนคนนั้นให้ดีที่สุด การสูญเสียพ่อผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวกระทันหัน หรือการทนไม่ได้ต่อความไร้วินัยทางการเงินของตนเอง
* เรื่องการเงินมักเป็นเรื่องน่าเบื่อสำหรับคนส่วนใหญ่เพราะเป็นเรื่องของสมองซีกซ้ายที่ควบคุมเรื่องข้อมูล ตัวเลข รายละเอียด ตรรกะเหตุผล ถ้าเราย้ายเรื่องการเงินมาไว้ที่สมองซีกขวา คือ เพิ่มเรื่องจินตนาการเข้าไป การเงินก็จะเป็นเรื่องที่สนุกขึ้นมาได้
* อย่าตั้งเป้าไปที่การทำงานเพื่อเงิน แต่ให้ทำงานเพื่อความรู้และประสบการณ์ หมั่นพัฒนาตนเองให้มีความสามารถพิเศษอะไรสักอย่าง เปิดหูเปิดตา สร้างแบรนด์เป็น แล้วเงินก็จะเข้ามาเอง
* การออมเป็นเรื่องของการวางแผน ก่อนอื่นต้องสำรวจสินทรัพย์ที่มีอยู่อย่างถี่ถ้วน สำรวจตัวเองว่าตนเองจ่ายเงินไปกับอะไรมากที่สุด จากนั้นวางแผนการเงินให้ชัดเจนและมีวินัย และต้องทำความรู้จักกับศัตรูของเงินออมที่ไม่มีใครหนีพ้น คือ เงินเฟ้อ ซึ่งหมายถึง แม้จะมีเงินจำนวนเท่าเดิม แต่คุณค่าได้ลดลงไป ความสามารถในการซื้อลดลง
* การจับจ่ายเป็นเรื่องของสติ บางคนซื้อโดยไม่ได้ตั้งใจ (Impulsive Buying) บางคนซื้อเพราะกลัวเสียหน้า บางคนซื้อเพราะรู้สึกเกรงใจคนขาย ผู้มีสติปัญญาทางการเงินควรรู้เท่าทันและซื้อเฉพาะสิ่งจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น
* รายจ่ายแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ คือ 1) รายจ่ายทั่วไป เช่น อาหาร, เดินทาง, น้ำ, ไฟ 2) รายจ่ายกึ่งการลงทุนหรือลงทุนทางอ้อม เช่น คอร์สเรียนภาษา หนังสือ ค่าฟิตเนส 3) การลงทุนโดยตรง เช่น ซื้อหุ้น คอนโด พันธบัตร เป็นต้น
* ในยุคแห่งข้อมูลความรู้นี้ รายจ่ายกึ่งการลงทุนมีความสำคัญอย่างมากต่อการสร้างความมั่งคั่งของคุณ
* ศิลปะอย่างหนึ่งในการจับจ่าย (และลงทุน) คือ ความสามารถในการประเมินราคา (Valuation) นั่นคือมีความเข้าใจความแตกต่างของราคา (Cost) กับ คุณค่า (Worth)
* การลงทุนคือ การยกระดับคุณภาพชีวิต หลักการทั่วไปของการลงทุนคือ การจ่ายเงินเพื่อแลกกับสิทธิ์ความเป็นเจ้าของทรัพย์สินอะไรก็ตามที่สร้างผลตอบแทนให้แก่เจ้าของในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง เช่น อสังหาริมทรัพย์ รถยนต์ นาฬิกา หุ้น ตราสารหนี้ ค่าลิขสิทธิ์ ทรัพย์สินทางปัญญา
* วิธีลดความเสี่ยงในการลงทุนได้ดีที่สุดก็คือ การมีความรู้ในสิ่งที่เรากำลังจะลงทุน ความรู้จะช่วยปกป้องเราจากความเสี่ยงในขณะที่สร้างผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจ
* ผลตอบแทนจะถูกวัดเปรียบเทียบกับเงินทุนที่ลงไปเสมอ นั่นก็คือ อัตราผลตอบแทน (Yield) = ผลตอบแทน/ เงินลงทุน และมีเรื่องของเวลาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเสมอ ส่วนใหญ่มักใช้เวลา 1 ปีเพื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนอื่น ๆ ได้ง่าย
* อิสรภาพทางการเงินวัดกันที่ไหน? วัดกันที่เมื่อ Earning Income (หรือ Passive Income) ของเรามีค่าเท่ากับหรือมากกว่า “ค่าใช้จ่าย”
* ประเภทการลงทุนตามความเสี่ยงและผลตอบแทนจากน้อยสุดไปมากสุด 1) ตราสารหนี้ 2) ตราสารทุน 3) สินค้าโภคภัณฑ์ และ 4) ตราสารทางการเงินพิเศษ
* นอกจากนี้ในพอร์ตการลงทุน ควรเลือกลงทุนในประเภทของธุรกิจที่ปัจจัยเสี่ยงไม่เกี่ยวข้องกันเกินไป เพื่อที่ว่าเมื่ออุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่งซบเซา ก็ยังมีการลงทุนด้านอื่น ๆ ที่พอจะช่วยไว้ได้
* หลังจากหาความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการลงทุนแล้ว ควรไตร่ตรองว่าตนเองมีความถนัดในการลงทุนทรัพย์สินใด ๆ ต้องการผลตอบแทนและทนรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน (ในเล่มมีแยกอธิบายในแต่ละบทย่อยถึงลักษณะของตราสารหนี้, ตราสารทุน, พันธบัตรรัฐบาล, หุ้นกู้, หุ้น, กองทุนรวมประเภทต่าง ๆ, แฟรนไชส์, ธุรกิจขายตรง และ ทองคำ)
* ให้สังเกตว่า ตนเองมีความรัก หรือมีความสุขกับงาน หรือ งานอดิเรกใด ๆ บ้างที่สามารถนำไปสู่การสร้างรายได้ บางทีสิ่งนี้อาจเป็นการลงทุนที่ดีที่สุด
หนังสือชื่อ “คู่มือบริหารเงิน” โดย ธนภัทร รุ่งธนาภิรมย์ 2553 176 หน้า ราคา 145 บาท มีจำหน่ายที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป หรือสามารถสั่งได้จากเว็บไซต์ของเซีเอ็ดที่ลิ้งค์นี้ https://goo.gl/K56mzd
------------------------------------------------------------------
เกร็ดน่ารู้:
------------------------------------------------------------------
เกร็ดน่ารู้:
* เด็กเวียดนามอ่านหนังสือเล่มโดยเฉลี่ยปีละ 60 เล่ม/คน
* คนไทยถึง 40% ไม่อ่านหนังสือเล่มใด ๆ เลย
* แม้ในหมู่คนไทยที่อ่านหนังสือก็อ่านโดยเฉลี่ยเพียงปีละ 4 เล่ม/คน
คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” นี้ จึงมีขึ้นเพื่อส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาตนเองและประเทศชาติ โดยผู้วิจารณ์เลือกอ่านเองโดยอิสระไม่ได้รับจ้างสำนักพิมพ์ใดมาเขียน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น