วันอังคารที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” เล่มที่ 416 วันนี้ จะมาคุยถึงหนังสือชื่อ “เลี้ยงลูกให้ฉลาดด้วยกระดาษแผ่นเดียว”

มาอ่านเคล็ดลับการเลี้ยงลูกง่าย ๆ แต่ได้ผลของคุณแม่ญี่ปุ่นกัน

=ภาพรวม=
หนังสือสีสันสวยงามมีกราฟฟิคน่ารักประกอบตลอดเล่มนี้รวบรวมเทคนิคที่คุณแม่ชาวญี่ปุ่นท่านหนึ่งใช้เสริมการเลี้ยงลูกอย่างได้ผล โดยการเขียน โน้ตรูปภาพประกอบตัวอักษรเล็ก ๆ น้อย ๆ แปะไว้ตามจุดต่าง ๆ ในบ้านเพื่อสื่อสารกับลูกได้อย่างชัดเจนขึ้น เช่น เก็บของเล่นในกล่องนี้นะ หรือปิดโน้ตรูปภาพไว้ที่ประตูเพื่อคอยเตือนลูกว่าสิ่งใดห้ามลืมนำไปด้วย เป็นต้น
นอกจากนั้น ยังใช้ในการสร้างสัมพันธ์อันอบอุ่นระหว่างแม่ลูกได้ในหลายโอกาสอีกด้วย เช่น การให้กำลังใจ โดยวางไว้ข้างขนมชิ้นเล็ก ๆ เป็นต้น
สำหรับเรื่องที่สำคัญคุณแม่ท่านนี้แนะนำว่า ตอนยื่นโน้ตรูปภาพให้ลูกก็ให้อธิบายด้วยคำพูดย้ำให้ชัดเจนด้วย เช่น ห้ามเปิดประตูให้คนไม่รู้จักเข้าบ้าน
ตลอดทั้งเล่มสอนเทคนิคการวาดภาพแบบง่าย ๆ ที่จะสามารถสื่อให้เด็กแม้แต่เด็กเล็กเข้าใจได้ โดยมีเหตุผลประกอบว่าทำไมการสื่อสารด้วย โน้ตรูปภาพแต่ละอย่างนั้นจึงเป็นการสื่อสารที่ได้ผลมากกับเด็ก ๆ อีกทั้งยังเป็นการฝึกให้เด็กช่างสังเกต และในที่สุดก็สามารถวาดภาพง่าย ๆ สื่อสารกับแม่ได้ด้วย
อนึ่ง ผู้เขียนเองก็ออกตัวว่าไม่เคยเรียนวาดภาพมาก่อน แต่อาศัยการสังเกตและเลือกวาดสิ่งที่สื่อสารกับเด็กได้ง่าย ๆ เท่านั้น เพียงเท่านี้ก็ได้ผลแล้ว (ในเล่มมีเกร็ดและเทคนิคสำหรับโน้ตภาพแต่ละอย่างมากมาย)
=น่าสนใจจากในเล่ม=
* การเลี้ยงลูกจะเปลี่ยนไปและราบรื่นขึ้นด้วย โน้ตภาพน่ารัก ๆ ที่วาดได้ใน 1 นาที
* สาเหตุที่ผู้เขียนคิดใช้โน้ตภาพขึ้นมาครั้งแรกก็เพราะพบว่า การสื่อสารด้วยคำพูดเพียงอย่างเดียวกับเด็กเล็กนั้นเด็กจะเข้าใจได้ยาก แต่ถ้ามีโน้ตภาพแปะอยู่ด้วยจะช่วยได้มาก และทำให้คุณแม่เบาแรงขึ้นมากไม่ต้องพูดซ้ำ ๆ
* ถึงเด็กเล็กจะยังอ่านหนังสือไม่ออก ก็เข้าใจได้ด้วยภาพ แต่จะเขียนตัวหนังสือประกอบไปด้วยก็ได้เพราะเด็ก ๆ จะค่อย ๆ ซึมซับความหมายของตัวอักษรไปเองด้วย
* เด็กสามารถรับรู้ได้ว่าโน้ตภาพนั้นคุณแม่(และ/หรือคุณพ่อ)ตั้งใจเขียนให้เขาเป็นพิเศษคนเดียวจริง ๆ และถึงจะไม่พูดออกมา ก็จะรู้สึกขอบคุณอยู่ลึก ๆ
* โน้ตภาพของคุณแม่ท่านนี้วาดง่าย เธอพบว่า ขอแค่วาดเค้าโครงของสิ่งนั้นได้ก็ประสบความสำเร็จแล้ว 90% แค่เพียงมีทักษะวาดรูปทรงเรขาคณิตพื้นฐานอย่างเช่น สามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม วงกลม ก็ใช้ได้แล้ว
* เด็กต้องการภาพที่เรียบง่าย ถ้าเป็นภาพที่มีศิลปะมากเกินไป เด็กมองแล้วจะไม่เข้าใจ
* สำหรับภาพที่มีเค้าโครงเหมือน ๆ กันเช่นใบหน้า สิ่งที่จะสื่ออารมณ์ให้แตกต่างได้คือตำแหน่งและลักษณะขององค์ประกอบบนใบหน้า (ในหนังสือมีตัวอย่างประกอบที่ทำตามได้ง่ายให้ครบทุกอารมณ์)
* เด็กนั้นทำสิ่งต่าง ๆ ได้เองมากกว่าที่ผู้ใหญ่คิดมากมาย จึงควรปล่อยให้เขาทำอะไรเองและตัดสินใจเองบ้าง ระหว่างนั้นคุณพ่อคุณแม่ต้องเอาใจช่วย และไม่ยื่นมือเข้าไปช่วย ต้องอดทนรออย่างใจเย็น
* ถ้าอยากให้ลูกเป็นเด็กที่พูด ขอบคุณและ ขอโทษเป็น ต้องเริ่มที่ตัวพ่อแม่ คือ กล่าวคำ ขอบใจและ ขอโทษนะกับลูกก่อน เพื่อให้ลูกรู้ว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ผิดพลาดได้เหมือนกัน
* การค่อย ๆ ชมเรื่องที่เด็กทำได้ไปทีละอย่าง แทนการพร่ำบ่นเรื่องที่ทำไม่ได้ ส่งผลให้เด็กทำอะไรได้สำเร็จมากขึ้น ในกรณีนี้สามารถส่งความรู้สึกด้วยถ้อยคำและโน้ตภาพได้ เช่น ภาพวาดหน้าลูกยิ้มแล้วมีคำพูดชมว่า เก่งมากเลยที่เก็บของหลังใช้เสร็จ
* ถ้าอยากให้ลูกรักการอ่าน ให้พาลูกไปห้องสมุดบ่อย ๆ แล้วให้เลือกยืมหนังสือเอง ถ้าไม่มีโอกาสนั่งอ่านกับลูกก็สามารถใช้กระดาษโพสต์อิทเขียนภาพและคำพูดแปะไว้กับหนังสือได้ว่า หนังสือเล่มนี้สนุกดีนะจ๊ะหรือ ชอบหน้านี้จังหรือ สีปลาตัวนี้สวยมากเลยเนอะ” (คุณพ่อคุณแม่ควรอ่านหนังสือของลูกทุก ๆ เล่มด้วย)
* การไปซูเปอร์มาร์เกตนั้นถ้าต้องซื้อของไปด้วยและคอยดูแลลูกไปด้วยจะลำบากมาก ในกรณีนี้สามารถฝึกให้เด็กช่วยซื้อของง่าย ๆ ใส่ตะกร้าของตนเองได้ด้วยโน้ตภาพ นอกจากเด็กจะสนุกแล้วยังได้ทักษะการช่วยตัวเองและทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ เพิ่มขึ้นมาด้วย (ที่ฟูจิ ซูเปอร์มาร์เก็ตของญี่ปุ่นในไทย มีรถเข็นเล็ก ๆ ไซส์เด็กให้ลูก ๆ ช่วยคุณแม่เลือกซื้อของง่าย ๆ ด้วย เป็นความใส่ใจที่ซูเปอร์มาร์เก็ตอื่น ๆ ในไทยอื่น ๆ ก็น่าทำบ้าง ผู้วิจารณ์
หนังสือชื่อ เลี้ยงลูกให้ฉลาดด้วยกระดาษแผ่นเดียวโดย คิมิโดริ อิโนะอุเอะ Daifuku Publishing แปลโดย ปติมา รัชตะวรรณ กุมภาพันธ์ 2559 144 หน้า ราคา 199 บาท มีจำหน่ายที่ร้านหนังสือชั้นนำและเวบไซต์ร้านหนังสือทั่วไป หรือที่เวบไซต์สำนักพิมพ์ www.booktime.co.th
------------------------------------------------------------------
เกร็ดน่ารู้:
* เด็กเวียดนามอ่านหนังสือเล่มโดยเฉลี่ยปีละ 60 เล่ม/คน
* คนไทยถึง 40% ไม่อ่านหนังสือเล่มใด ๆ เลย
* แม้ในหมู่คนไทยที่อ่านหนังสือก็อ่านโดยเฉลี่ยเพียงปีละ 4 เล่ม/คน
คอลัมน์ ดร.ณัชร จัดหนังสือนี้ จึงมีขึ้นเพื่อส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาตนเองและประเทศชาติ โดยผู้วิจารณ์เลือกอ่านเองโดยอิสระไม่ได้รับจ้างสำนักพิมพ์ใดมาเขียน
เพจ ดร.ณัชรเกิดขึ้นด้วยความตั้งใจที่จะทำความดีถวายในหลวง

-------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น