วันอังคารที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” เล่มที่ 451 จะมาคุยถึงหนังสือ ชื่อ “ความสำเร็จอยู่ไม่ไกล แค่ใช้เวลาให้เป็น”

มืออาชีพชาวญี่ปุ่นที่ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ยาก ๆ และทำอะไรได้หลายอย่างมากกว่าคนทั่วไป มีเคล็ดลับการใช้เวลาอย่างไร?
จะประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับการรู้จักใช้เวลา
คนเก่งระดับโลกกับคนธรรมดาทั่วไป ล้วนมีเวลาวันละ 24 ชม.เท่ากัน
ทำอย่างไรเราจึงจะใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่าที่สุดนะ


=ภาพรวม=
ชื่อจริง ๆ ภาษาญี่ปุ่นของหนังสือเล่มนี้คือ “ศิลปะแห่งการใช้เวลา เพื่อทำให้ฝันเป็นจริง” โดยรวบรวมสารพัดเทคนิคที่ผู้เขียนค้นพบว่าได้ผลเอาไว้
ผู้เขียนเป็นเจ้าของสถาบันกวดวิชาสอบเนติบัณฑิตระดับแนวหน้าของญี่ปุ่น นอกจากนั้นยังประสบความสำเร็จในงานการอีกหลายด้าน หนังสืออีกเล่มของเขาที่ผู้วิจารณ์ชอบมากคือ “จงถ่ายเอกสารหน้าสารบัญ แล้วคุณจะเรียนเก่งขึ้น” ที่เคยรีวิวไปเมื่อปีที่แล้ว (เนื้อหาไม่ค่อยตรงกับชื่อเล่ม แต่เป็นวิธีคิด วิธีใช้ชีวิตให้มีความสุขและประสบความสำเร็จมากกว่า)
อ่านรีวิวเล่มก่อนได้ที่นี่
สำหรับเล่มนี้แบ่งเป็นหมวดหมู่ดังนี้ 1) เพราะเหตุใดคนเราจึงมักจะพูดว่า “ไม่มีเวลา” 2) เทคนิคการวางแผนเพื่อพิชิตฝัน 3) วิธีใช้ชีวิต วิธีคิดเพื่อเพิ่มเวลา 4) เวลามีจำกัด แต่ชีวิตไม่มีจำกัด
ครึ่งแรกของเล่มเป็นเทคนิคการใช้เวลา ครึ่งหลังเป็นเรื่องของวิธีคิด วิธีใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าและมีความสุขโดยรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมองชีวิตผ่านมุมมองของ “เวลา”
ดังประโยคในตอนท้ายเล่มประโยคหนึ่ง คือ “เวลา ก็คือ วิธีการใช้ชีวิตของตนเอง เวลาที่ใช้ไปจะสะสมเรื่อย ๆ จนกลายเป็นชีวิตของคนคนนั้น”
ชีวิตเราจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับเรา “ใช้เวลาในชีวิต” อย่างไรนั่นเอง
=น่าสนใจจากในเล่ม=
* ทุกคนคงเคยมีประสบการณ์ที่พอถูกบีบบังคับด้วยเวลาแล้วกลับสามารถแสดงพลังและความสามารถออกมาได้ดีอย่างไม่เน่าเชื่อ มันเป็นเพราะอะไรกันนะ?
* ถ้าเราลองเปลี่ยน “วิถีคิดเกี่ยวกับเรื่องเวลา” ได้ เราจะรู้สึกว่าเรามีเวลามากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และจะไม่ใช้เวลาอย่างสูญเปล่าอีกต่อไป “ความสุขกับการใช้เวลา” ก็จะเพิ่มขึ้น
* สิ่งที่สำคัญมากกว่าเทคนิคการใช้เวลาคือ “เป้าหมาย” และ “ความฝัน” ดังนั้น ก่อนอื่น เราต้องกำหนดให้ชัดเจนได้ก่อนว่า เราอยากใช้ชีวิตแบบไหน ถ้ายังกำหนดไม่ได้ ก็ไม่สามารถกำหนดการใช้เวลาได้ และความฝันก็จะไม่เป็นจริงขึ้นมาได้
* คนที่มักบ่นว่า “ไม่มีเวลา” หรือ “ยุ่ง” น่าจะยังไม่มีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน ก็เลยไม่พอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่มากกว่า
* ถ้าเวลาสมาธิหลุดอย่าพยายามไปบังคับตนเอง แต่ให้ “ปล่อยมัน” แล้วเอาเวลาไปทำกิจกรรมอื่นที่มีประโยชน์ทดแทน
* ถ้าคนเรามีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าแล้ว เวลาจะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
* การเปลี่ยนสถานที่ทำงาน ก็สามารถเพิ่มสมาธิได้เช่นกัน
* การทำงานให้สำเร็จลุล่วงถือเป็นความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งผมคิดว่ามันคือบทบาทหน้าที่พื้นฐานของมนุษย์
* คนที่ชอบโทษเวลา มักจะทำผิดซ้ำ ๆ เพราะไม่รับรู้จุดบกพร่องของตนเอง
* ถ้าตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกทำอะไรดี ให้เลือกทางที่ตนรู้สึกตื่นเต้นท้าทายและเป็นอิสระมากที่สุด
* การพักผ่อนเป็นสิ่งสำคัญและขาดไม่ได้ ให้ใส่วันหยุดไว้ในกำหนดการก่อน
* สิ่งที่แย่ที่สุดคือการพูดว่ายุ่ง แต่เอาเวลาไปทำเรื่องเดิม ๆ อย่างไม่มีจุดหมาย ไม่ยอมพัก ถ้าทำแบบนั้นไปเรื่อย ๆ ก็จะขาดแรงกระตุ้น เพราะมันจะกลายเป็นความเคยชิน ประสิทธิภาพในการทำงานก็จะแย่ลงไปด้วย
* สิ่งสำคัญไม่ใช่การใช้เวลาอย่าง “มีประสิทธิภาพ” แต่คือการใช้เวลาอย่างไรให้ “ตัวเองมีความสุข” ต่างหาก
* แม้ว่าในอดีตจะเคยทำไม่สำเร็จแต่มันจะต้องมีความหมายกับเราในอนาคตแน่นอน ไม่ว่าตอนนี้จะลำบากแค่ไหนก็จะต้องพยายามสร้างอนาคตที่จะสามารถรู้สึกขอบคุณอดีตในวันนี้ให้ได้
* ถ้ารู้สึกว่า “ความฝันที่ตัวเองอยากจะเป็น” กับ “ตัวเองในตอนนี้” มีระยะห่างกันมากไป ให้ตั้ง “เป้าหมายย่อย ๆ” ระหว่างทางไว้หลาย ๆ เป้า แล้วค่อย ๆ ทำให้สำเร็จไปทีละขั้น
* เมื่อยังไม่รู้ว่าตนเอง “อยากจะทำอะไร” ก็ยังไม่ต้องพยายามหาเป้าหมายใหญ่ เพียงแต่คิดถึงสิ่งที่ตนเองสนใจตรงหน้าแล้วสนุกไปกับมันให้สำเร็จไปที่ละอย่างก่อนก็พอ
* เพิ่มพลังให้ตนเองด้วยการ “คิดหาฝันถัดไป” เช่น “ถ้ามอบผ่านแล้วจะทำอะไรต่อไป?” “ถ้าโปรเจ็คท์นี้ไปได้สวย ต่อไปทำอะไรดี?”
* ถ้าเป็นพนักงานขายแล้วขายไม่ได้เลยก็อย่าคิดในแง่ลบ แต่ให้คิดว่าเรามายืนอยู่ที่นี่เพื่อให้ลูกค้าเข้าใจสินค้าของเรา การปรับวิธีคิดแบบนี้อาจทำให้รู้สึกว่าหน้าที่ของเรานั้นมีความหมายมากจนอยากจะขอบคุณหัวหน้าที่มอบหมายงานที่ยากและท้าทายนี้ให้กับเราก็ได้
* ลอง “เริ่มต้นวันใหม่ตั้งแต่คืนก่อนหน้า” ด้วยการวางแผนว่าพรุ่งนี้จะทำอะไร
* กระตุ้นไอเดียด้วยกระดาษโน้ตหรือโพสต์อิท เมื่อทำเสร็จไปแต่ละอย่างแล้วได้ดึงออกไปทีละอย่างจะสามารถรับรู้ได้ถึงความสำเร็จด้วย
* “กฎของพอล เจเน็ต” ในทางจิตวิทยา กล่าวไว้ว่า “ในความจำของแต่ละบุคคล เมื่ออายุยังน้อยจะมีความรู้สึกว่าเวลาผ่านไปช้า แต่เมื่ออายุมากขึ้นจะมีความรู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็ว”
สิ่งที่ทำให้แตกต่างคือเราสนใจและพยายามจะเก็บข้อมูลของสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามากแค่ไหน ควรสัมผัสประสบการณ์ด้วยความรู้สึกแบบเด็ก ๆ ที่อยากเรียนรู้ทุกสิ่งตรงหน้าบ้าง
* การแบ่ง “ประเภทของเวลา” ไว้ชัดเจน เช่น “เวลาของตนเอง” “เวลาของครอบครัว” “เวลางาน” และ “เวลาเพื่อส่วนรวม” ก็สามารถช่วยให้รู้ได้ว่า “ช่วงนี้มีเวลาให้ตัวเองน้อยนะ” หรือ “หมู่นี้ไม่ค่อยได้ทำอะไรเพื่อส่วนรวมเลย”
* แม้เวลาเพียง 5 หรือ 10 นาทีก็ควรให้ความสำคัญ เพราะถ้าเก็บสะสมไปเรื่อย ๆ แม้วันละ 5 นาที ครบ 1 ปีก็จะเป็นเวลาถึง 1,825 นาที หรือประมาณ 30 ชั่วโมงทีเดียว
* เมื่อต้องการเพิ่มกำลังความสามารถ ก็ต้องเพิ่มสิ่งที่ต้องทำเข้าไป
วิธีการใช้เวลาก็เช่นกัน ให้เพิ่มกำหนดเวลาให้แน่นไปก่อนเลย ลักษณะพิเศษร่วมกันของคนที่สอบเนติบัณฑิตของญี่ปุ่นผ่าน (เป็นการสอบที่ยากที่สุดอย่างหนึ่งของญี่ปุ่น) คือ การพยายามที่จะทำให้ได้มากกว่าขีดจำกัดของตนเอง เช่น “ทำเพิ่มอีกข้อหนึ่งหรืออีกหน้าหนึ่งก็แล้วกัน”
* ไม่ว่าจะมองเวลาจากแง่มุมไหน สิ่งสำคัญคือ การใช้ชีวิตใน “ตอนนี้” ให้ดีที่สุด
* การใช้ชีวิตที่คุ้มค่า คือ การใช้ชีวิตที่แม้ตัวเองจะตายไปก็สามารถหลงเหลือหลาย ๆ สิ่งไว้ให้คนรุ่นหลังได้ ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นสิ่งของทรัพย์สมบัติ แต่เป็นความคิด แนวคิด หรือความทรงจำดี ๆ ก็ได้
* ทุกอย่างจะเริ่มต้น เมื่อเรารู้สึกขอบคุณสภาพแวดล้อมในตอนนี้ แทนที่จะเอาเวลามาอิจฉาคนอื่น สู้เอาเวลาไปขอบคุณสภาพแวดล้อมของตนดีกว่า จงหันหน้าไปมองความสุขที่มีอยู่กันเถอะ
* คนที่เชื่อมั่นว่า “ตัวเองสามารถเปลี่ยนแปลงได้แน่นอน” จะสามารถพิชิตฝันได้ในที่สุด ตรงกันข้ามกับคนที่คิดว่า “ตัวเองคงจะเป็นแบบนี้ไปตลอด” ซึ่งมักมีคนคิดแบบหลังมากกว่าแบบแรก
* สิ่งที่ผู้เขียนเชื่อมั่นว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จคือ “ความปรารถนาอันบริสุทธิ์และแรงกล้า ที่ไม่ได้หวังประโยชน์ส่วนตน แต่เป็นหัวใจที่คิดถึงคนอื่น” ถ้าทำอะไรด้วยหัวใจเช่นนี้ พลังของจักรวาลจะช่วยผลักดันเราอีกแรง (น่าจะเป็นอานิสงส์ของจิตที่จะเป็นผู้ให้ ซึ่งเป็นกุศลจิต กุศลจิตเป็นสิ่งที่มีพลัง – ผู้วิจารณ์)
* คนที่ทำสิ่งใด ๆ และได้ผลลัพธ์ออกมาดีอยู่เสมอ นอกจากจะเป็นเพราะมีความสามารถแล้ว น่าจะต้องเป็นคนที่มีจิตใจดีและไม่ลืมความรู้สึกขอบคุณคนด้วย
หนังสือชื่อ “ความสำเร็จอยู่ไม่ไกล แค่ใช้เวลาให้เป็น” โดย มาโคโตะ อิโต แปลโดย ประภัสสร ยังเฟื่อง สำนักพิมพ์ Ganbatte 2560 200 หน้า ราคา 169 บาท มีจำหน่ายที่ร้านหนังสือชั้นนำและเวบไซต์ร้านหนังสือทั่วไป
------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น