วันอังคารที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” เล่มที่ 414 วันนี้ จะมาคุยถึงหนังสือชื่อ “เอาชีวิตรอดในขั้วโลกใต้”

ถ้าคุณหลงทางอยู่ที่ขั้วโลกใต้ คุณจะรอดมาได้หรือไม่?



=ภาพรวม=
หนังสือการ์ตูนวิทยาศาสตร์ที่มีการสลับฉากเป็นระยะ ๆ ด้วยบทความสั้น ๆ และภาพถ่ายประกอบนี้เป็นหนึ่งในซีรี่ส์การ์ตูน เอาชีวิตรอด...จากประเทศเกาหลี
ในเล่มเป็นเรื่องราวของคณะของเด็กชายโมโม่ที่ออกสำรวจขั้วโลกใต้แล้วเผชิญกับพายุหิมะจนหลงทาง ต้องพยายามใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เอาตัวรอด
เป็นหนังสือที่ให้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์หลายด้าน เหมาะสำหรับทั้งปลูกฝังเยาวชน และเหมาะสำหรับคุณพ่อคุณแม่ไว้อ่านเองสนุก ๆ ด้วย
=น่าสนใจจากในเล่ม=
* ทวีปแอนตาร์กติกา เป็นทวีปที่อยู่ใต้สุดของโลก ถูกค้นพบเมื่อปีค.ศ. 1819 สภาพแวดล้อมที่หนาวเหน็บทำให้มนุษย์อาศัยอยู่ที่นี่ไม่ได้ มันจึงเป็นบริเวณที่บริสุทธิ์ ไม่มีมลพิษที่เกิดจากมนุษย์ เหมาะใช้เป็นสถานที่ค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับสภาพอากาศของโลกและความเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศ
* นอกจากนี้ทะเลขั้วโลกใต้ยังเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์นานาชนิด เป็นแหล่งน้ำมันดิบ แก๊สธรรมชาติและแร่ธาตุที่อยู่ใต้ดิน จึงเป็นดินแดนที่สำคัญมาก
* ในปีค.ศ. 1959 หลายประเทศได้ร่วมลงนามก่อตั้งสนธิสัญญาขั้วโลกใต้ขึ้น โดยมีเนื้อหาว่าทุกประเทศเข้ามาศึกษาวิจัยได้ ยกเว้นการทำกิจกรรมด้านการทหาร การศึกษาวิจัยในขั้วโลกใต้แบ่งเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ คือ ระบบนิเวศ ปรากฏการณ์ธรรมชาติ รวมทั้งการสื่อสารและดาราศาสตร์
* ในหนังสือเล่มนี้จะเรียกทวีปแอนตาร์กติกาว่า ขั้วโลกใต้ เพื่อให้อ่านสนุกขึ้น แต่ความจริงแล้วขั้วโลกใต้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของทวีปแอนตาร์กติกาเท่านั้น
* เนื่องจากมนุษย์เผาผลาญเชื้อเพลิงมากเกินไป คาร์บอนไดออกไซด์จำนวนมากจึงขั้นสู่บรรยากาศ ทำให้เกิดปรากฏการณ์เรือนกระจก
* ปรากฏการณ์เรือนกระจกจะทำให้น้ำแข็งอายุหมื่น ๆ ปีที่อยู่ตามขั้วโลกละลายไหลลงทะเลจนระดับทะเลเพิ่ม และเมื่อน้ำแข็งละลายมากขึ้น โลกก็จะดูดพลังงานแสงอาทิตย์มากขึ้น ทำให้ปรากฏการณ์เรือนกระจกรุนแรง
* การตรวจวัดในปีค.ศ. 1900 พบว่า ระดับทะเลสูงขึ้น 23 ซม. ถ้าน้ำแข็งยังละลายด้วยความเร็วนี้ อีกไม่กี่สิบปีสาธารณรัฐมัลดีฟส์ซึ่งเป็นเกาะ หรือประเทศตูวาลูก็จะจมลงสู่ทะเล ระบบนิเวศทั้งบนดินและในทะเลก็จะถูกทำลาย
* ถึงแม้ขั้วโลกใต้จะมีน้ำแข็งปกคลุม 70% แต่กลับแห้งแล้วกว่าทะเลทรายซาฮาราเพราะมีน้ำฝนไม่ถึง 10 ซม.
* หลังจากแม่นกเพนกวินจักรพรรดิออกไข่ มันก็จะไปหาอาหารกินที่ริมทะเลประมาณ 65 วันจึงกลับมา ระหว่างที่แม่เพนกวินไม่อยู่ พ่อเพนกวินจะเอาไข่มาวางไว้บนหลังเท้าของตัวเองและใช้ท้องกกไข่ให้อบอุ่น ระหว่างนี้มันจะไม่กินอาหารเลยจนน้ำหนักลดลงไปกว่าครึ่ง เมื่อไข่ใกล้ฟักเป็นตัว แม่นกก็จะกลับมาดูแลลูกแทน
* พายุหิมะ คือหิมะที่มาพร้อมกับลมที่มีความเร็วลมมากกว่า 14 เมตรต่อวินาที และมองเห็นสิ่งรอบตัวได้ไม่เกิน 150 เมตร ถ้าหากความเร็วลมมากกว่า 14 เมตรต่อวินาทีก็จะยืนลำบาก ถ้า 40 เมตรต่อวินาทีแม้แต่คนก็ปลิวได้
* ที่ขั้วโลกใต้ก็มีภาพลวงตา (mirage) เกิดขึ้นเหมือนในทะเลทรายด้วย
* SOS หรือ Save Our Soul คือสัญญาณขอความช่วยเหลือจากรหัสมอร์ส แต่ก่อนเราสื่อสารทางไกลด้วยโทรเลขและใช้รหัสมอร์สซึ่งใช้จุดและเส้นแทน ตัวอักษรที่พิมพ์สะดวกที่สุดคือ S ที่ใช้ 3 จุด และตัว O ที่ใช้ขีด 3 ขีด
* ปลาวาฬสีน้ำเงินเป็นสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โตเต็มที่ยาว 33 เมตร หนัก 160 ตัน มันกินสัตว์ตัวเล็ก ๆ คล้ายกุ้งที่เรียกว่า คริลล์ คริลล์เป็นอาหารของปลาและเพนกวินด้วย มันมีจำนวนมากและมีคุณค่าทางอาหารมากด้วย นักวิทยาศาสตร์บางคนกล่าวว่า มันจะกลายเป็นแหล่งอาหารของมนุษย์ในอนาคต
หนังสือชื่อ เอาชีวิตรอดในขั้วโลกใต้เขียนโดย Hong Jae-Cheol ภาพประกอบโดย Mun, Joonhoo แปลโดย กัญญารัตน์ จิราสวัสดิ์ และ ภัทราพร ฟูสกุล การ์ตูนความรู้นานมีบุ๊คส์ พิมพ์ครั้งที่ 1 ตุลาคม 2558 208 หน้า ราคา 185 บาท มีจำหน่ายตามร้านหนังสือชั้นนำและเวบไซต์ซีเอ็ดที่ลิ้งค์นี้ https://goo.gl/t7u2vn
-------------------------------------------------------------------
เกร็ดน่ารู้:
* เด็กเวียดนามอ่านหนังสือเล่มโดยเฉลี่ยปีละ 60 เล่ม/คน
* คนไทยถึง 40% ไม่อ่านหนังสือเล่มใด ๆ เลย
* แม้ในหมู่คนไทยที่อ่านหนังสือก็อ่านโดยเฉลี่ยเพียงปีละ 4 เล่ม/คน
คอลัมน์ ดร.ณัชร จัดหนังสือนี้ จึงมีขึ้นเพื่อส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาตนเองและประเทศชาติ

เพจ ดร.ณัชรเกิดขึ้นจากความตั้งใจที่จะทำความดีถวายในหลวง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น