มือใหม่อยากเข้าใจเซน?
=ภาพรวม=
หนังสือเล่มนี้เขียนโดยดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ นักวิทยาศาสตร์ที่เคยทำงานที่องค์การนาซ่าผู้หันมาสนใจศาสตร์ภายในคือการเจริญสติเพื่อพัฒนาตนเองไปจนถึงศักยภาพสูงสุดเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น
เนื้อหาของหนังสือเล่มนี้หลากหลาย เป็นการมองเซนจากแง่มุมต่าง ๆ อย่างน่าสนใจ อีกนัยหนึ่งคือหนังสือเล่มนี้จะมอบสิ่งที่มีประโยชน์หลายอย่างให้กับกลุ่มคนทุกประเภท ไม่ว่าคุณจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ นักปฏิบัติธรรมผู้สนใจวัฒนธรรมญี่ปุ่น หรือเพียงแต่เป็นผู้ที่มีความอยากรู้อยากเห็น
=น่าสนใจจากในเล่ม=
* ตอนนี้ชาวตะวันตกเรียนรู้เกี่ยวกับเซนมากขึ้นทุกปี ๆ และสามารถอธิบายได้ดีกว่าชาวตะวันออกต้นคิดเสียแล้ว
* เซนไม่ได้อยู่ไกลตัวเราเลย เซนอยู่รอบ ๆ ตัวเราต่างหาก ลองเปิดใจเรียนรู้เซนแล้วคุณจะรู้ว่า เซนยิ่งใหญ่กว่าที่คุณคิด และเซนสามารถพาคุณไปรู้จัก “นิพพาน” ได้
* เป้าหมายของหนังสือเล่มนี้คือ
1) ให้คุณเชื่อมั่นได้ว่าพระพุทธเจ้าคือบรมครูทางวิทยาศาสตร์อย่างแท้จริง
2) ให้กลับมาฝึกฐานกาย (Body Sensing) ให้มาก ๆ อย่าได้ไปยึดติดหรือเน้นความคิดเพียงอย่างเดียว
3) ทุกศาสนาพูดเรื่องเดียวกันคือ “ความรักและความเมตตา”
4) ขอให้เปิดใจเรียนรู้ศาสตร์ใหม่ ๆ ถ้ายังไม่รู้จักศาสตร์นั้น ๆ ก็อย่าด่วนวิจารณ์หรือปรามาส
5) เซนคือกระบวนการเรียนรู้รูปแบบหนึ่งเท่านั้น และสามารถนำไปใช้กับหลาย ๆ ศาสตร์ โดยเฉพาะสายปรัชญา การตลาด การบริหาร
* เซนไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้เน้นการสื่อสารแบบใจสู่ใจ (non-verbal communication)
· เซนเป็นกระบวนการเรียนรู้ (learning process) รูปแบบหนึ่งเท่านั้นเอง
· วัฒนธรรมญี่ปุ่นโบราณเต็มไปด้วยการสื่อสารโดยไม่ใช้ถ้อยคำเช่น ละครโนห์ การจัดดอกไม้อิเคบานะ
· เซนเชื่อว่าทุกสิ่งในโลกนี้มีพลวัตมีการเคลื่อนไหว และไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ (คือกฎพระไตรลักษณ์). ดังนั้นอย่าไปยึดติดยิ่งยึดมากก็ยิ่งทุกข์มาก
· ภาพยนตร์ญี่ปุ่นเปิดโอกาสให้คนดูได้ใช้สมองซีกขวาฝึกจินตนาการได้เต็มที่มีความเป็นศิลปะ ลึกซึ้ง และส่งตรงถึงใจ
* เซน คือ วิทยาศาสตร์ใหม่ นั่นคือแทนที่จะมองทุกสรรพสิ่งเป็นแบบก้อน ๆ แบบแยกส่วน จะมองอย่างเป็น “องค์รวม” ทุกอย่างมีโครงสร้างเหมือนกันหมด และถ้าทุกอย่างกระพริบล่ะก็ มันก็คือ มีและไม่มีนั่นเอง
* จิตมนุษย์มีการเกิดดับที่เร็วมากจนประสาทสัมผัสของมนุษย์รับไม่ทัน ในหนึ่งวินาที จิตมีการเกิด-ดับ เกิด-ดับ อย่างต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลานับล้านล้านครั้ง ภาษาดิจิตัลจะเรียกว่า 0-1 หรือ off-on
* off = 0 = ดับ on = 1 = เกิด พระเซนสมัยโบราณจึงบอกว่า มีก็เหมือนไม่มี หรือ มีก็ได้ ไม่มีก็ได้ ตอนที่ไม่มี มันก็เป็น 0 ตอนที่มี มันก็มี 1
* จิตเปรียบเหมือนหลอดไฟ ที่แท้จริงแล้วมีการกระพริบเกิดดับขึ้นตลอดราว 1 ล้านครั้งต่อวินาที แต่ด้วยความสามารถของดวงตามนุษย์ที่จำกัดการกระพริบอยู่เพียง 16 ครั้งต่อ 1 วินาที เราจึงไม่สามารถสังเกตเห็นการเกิด-ดับนั้นได้ เราจึงแปลความหมายผิดว่า หลอดไฟไม่กระพริบ
* ดังนั้น คนจำนวนไม่น้อยจึงมักถูกสิ่งที่เห็นหลอกลวง โดยเฉพาะผู้ที่คิดแบบวิทยาศาสตร์เก่าว่า ทุกอย่างต้องพิสูจน์ได้ด้วยประสาทสัมผัสทางกายเท่านั้น
* คนที่ยังไม่มาเข้าทางธรรมก็เพราะเจอกับดัก คือ ใช้แต่ฐานคิด ยังไม่รู้จัก “หยุดคิด”
* คำว่า NLP (Neuro-Linguistic Programming) เป็นโปรแกรมการสั่งการด้วยภาษาจิตประสาท จุดมุ่งหมายคือให้เราสามารถสื่อสารกับตนเองให้เกิดสภาวะทางจิตที่ดีเยี่ยม เพื่อนำไปสู่การพัฒนาศักยภาพของตนเองให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุดได้
* NLP มาจากคำ 3 คำ ได้แก่ Neuro หมายถึง สมองและระบบประสาท Linguistic หมายถึง ภาษาและการตอบสนอง Programming คือ การติดตั้งหรือปลูกฝังด้วยแผนการหรือกระบวนการ
* NLP ถูกนำมาใช้มากและหลังจากผู้เขียนรู้จักและเข้าใจเซนก็เห็นว่า หลักการของ NLP ก็มีอยู่ในกระบวนการเรียนรู้ของเซนเหมือนกัน จึงขอเรียกเซนว่าเป็น “SLP” (Spiritual Linguistic Programming) หมายถึง การโปรแกรมลึกลงไปถึงระดับจิตใจหรือจิตวิญญาณ ไม่ใช่แค่สมอง
* หลักทั่วไปของ SLP คือ การได้เห็นหรือได้ยินซ้ำ ๆ การฝึกทำซ้ำ ๆ และทำบ่อย ๆ เพื่อให้ซึมซับลงไปในจิตใจ ซึ่งในวัฒนธรรมญี่ปุ่นมีอยู่มาก (เช่น ศิลปะป้องกันตัว – ผู้วิจารณ์)
* อย่างไรก็ดี การโปรแกรมจิตใจนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายและไม่ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จกันทุกคน เนื่องจากคนเราทุกคนจะมี “ตัวบล็อก” และ “ตัวคัดกรองความคิด” หรือ filter เพื่อป้องกันตนเองและต่อต้านสิ่งใหม่ ๆ ที่เข้ามา ฟิลเตอร์จะอยู่อย่างนั้นจนกว่าเจ้าตัวจะเป็นผู้เปิดรับการโปรแกรมนั้นเอง
* คนนิสัย “หมี” มีบุคลิกมองลึก มองละเอียด มองเป็นระบบ มีระเบียบขั้นตอน ไม่ประนีประนอม มีเหตุผลรอบคอบ ละเอียดถี่ถ้วน ฟิลเตอร์ของหมี คือ มีอคติ ลำเอียง ชอบตัดสินว่าชอบ ไม่ชอบ ช่างตำหนิและขี้บ่น
* คนนิสัย “กระทิง” มีบุคลิกใฝ่สำเร็จ ตรงไปตรงมา มุ่งมั่น กัดไม่ปล่อย คิดเร็ว ทำเร็ว ทำก่อนคิด โกรธง่ายหายเร็ว ฟิลเตอร์ของกระทิงคือ ได้ตามเป้าหรือไม่ คุ้มหรือไม่ เร็วหรือช้า ใจร้อน ขี้โมโห
* คนนิสัย “หนู” มีบุคลิกใฝ่สัมพันธ์ สนองความต้องการผู้อื่น ประนีประนอม ชอบทำอะไรเป็นหมู่คณะ มีความรัก ความละเอียดอ่อน เด่นเรื่องสัมพันธภาพและการยืดหยุ่น ฟิลเตอร์ของหนูคือ ได้หรือไม่ได้ กลัวหรือไม่กลัว ทำให้เป็นคนขี้เกรงใจและละโมบ
* คนนิสัย “อินทรี” มีบุคลิกมองกว้าง มีจินตนาการ มองการณ์ไกล มีวิสัยทัศน์และการสร้างสรรค์ เชื่อมโยงเก่ง มองภาพใหญ่ ชอบความคิดใหม่ ๆ คิดก่อนทำ เบื่อง่าย ฟิลเตอร์ของอินทรีคือ การชอบตัดสินว่า ใหม่เก่า แปลกไม่แปลก รู้แล้วหรือยัง ชอบลองของใหม่ จับจด รู้ไม่ลึกจริง บ้าข้อมูล
* สัตว์ทั้ง 4 ทิศต่างมีจุดอ่อน การฝึกสติจะทำให้นำจุดแข็งของสัตว์ทั้งสี่มาอยู่ในตัวเราได้ทั้งหมด และทิ้งจุดอ่อนไปตามสถานการณ์
* มงคลชีวิต 38 ประการคือสุดยอด SLP
* สติมีอยู่ในตัวเรา เราต้องฝึกซ้ำ ๆ ๆ ๆ จน “สติ” ทำงานเป็น และในที่สุดก็จะมีสติเป็นอัตโนมัติ ไม่ใช่คิดแต่จะรวย ๆ ๆ หลอกตัวเองแบบนั้น เมื่อสติแยกกับความคิดได้ หรือแยกรูปแยกนามได้ นั่นคือ สติมา ปัญญาเกิด ไม่ต้องกลัวเรื่องรวยจนอะไรอีกต่อไป
หนังสือชื่อ “รู้ Zen ผ่าน Science” โดย ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ สำนักพิมพ์ อมรินทร์ธรรมะ อมรินทร์ธรรมะ 2559 171 หน้า ราคา 165 บาท มีจำหน่ายที่ร้านหนังสือชั้นนำและเวบไซต์ร้านหนังสือทั่วไป
---------------------------------------
คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” มีขึ้นเพื่อส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาตนเองและประเทศชาติ โดยผู้วิจารณ์เลือกอ่านเองโดยอิสระไม่ได้รับจ้างสำนักพิมพ์ใดมาเขียน
---------------------------------------
คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” มีขึ้นเพื่อส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาตนเองและประเทศชาติ โดยผู้วิจารณ์เลือกอ่านเองโดยอิสระไม่ได้รับจ้างสำนักพิมพ์ใดมาเขียน
เพจ “ดร.ณัชร” เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2556 ด้วยความตั้งใจที่จะทำความดีถวายในหลวง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น