คุณเป็นคนที่สื่อสาร “แบบผู้ชาย” หรือว่า “แบบผู้หญิง”?
ที่ซับซ้อนไปกว่านั้นคือบางคนคิดแบบผู้ชายในเรื่องการงาน แต่คิดแบบผู้หญิงในเรื่องความรัก
ผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่นมีบททดสอบในเล่มให้คุณลองทำ
วิธีการสื่อสารของคนเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง และการรู้วิธีการสื่อสาร “อีกแบบ” ก็จะช่วยเราได้มาก
เราจะสามารถคุยกับทุกคนได้อย่าง “รู้เรื่อง” และชีวิตเราก็จะราบรื่น
จากที่ครูเคยสังเกต ปัญหาส่วนใหญ่ทั้งในครอบครัวและที่ทำงาน แก้ได้ด้วย “การสื่อสาร” ค่ะ
ยังไม่ต้องเชื่อก็ได้นะคะ ลองอ่านรีวิวดูก่อน แล้วแอบเช็คในใจว่าคุณเคยเจออย่างนี้บ้างหรือเปล่า และจะแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างไรดี
=ภาพรวม=
หนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นโดยชาวญี่ปุ่นผู้เชี่ยวชาญเรื่องการสื่อสาร การวิเคราะห์ที่ลึกซึ้งชัดเจนน่าสนใจและบางทีก็ชวนหัวเราะของเขาทำให้เขาได้รับเชิญไปออกรายการโทรทัศน์อยู่บ่อย ๆ
หนังสือเล่มนี้ขายดีกว่า 500,000 เล่มในญี่ปุ่น
ในเล่มแบ่งวิธีคิดและการสื่อสารออกเป็น 4 ด้านใหญ่ ๆ คือ ด้านพื้นฐานทั่วไป ด้านความรัก ด้านครอบครัว และด้านการทำงาน
ผู้เขียนบอกว่า คุณไม่จำเป็นต้องเข้าใจวิธีคิดของคนที่มีรูปแบบการสื่อสารต่างจากคุณร้อยเปอร์เซ็นต์
ขอเพียงคุณเข้าใจว่าเขาคิดอีกแบบแล้วรู้จักเลือกภาษาที่เหมาะสมกับวิธีคิดและความเข้าใจของเขาก็ช่วยให้การสื่อสารราบรื่นขึ้นมากแล้ว
เหมาะกับผู้สนใจการพัฒนาตนเองทุกคน
=น่าสนใจจากในเล่ม=
* ผู้หญิงเชี่ยวชาญการคาดเดาอารมณ์และความคิดของคนอื่นมากกว่าผู้ชายมาก จึงสามารถสื่อสารกันรู้เรื่องโดยที่ไม่จำเป็นต้องพูดอย่างชัดเจน เช่น “อันโน้นน่ารักเนอะ” หรือ “ฉันว่าอันนั้นดีกว่าอันโน้น” และจะเข้าใจกันเองทันทีว่าหมายถึงของชิ้นไหน
แต่ในสายตาผู้ชายแล้ว พวกเธอเหมือนส่งกระแสจิตคุยกันเลยทีเดียว (ครูอ่านตรงนี้แล้วหัวเราะออกมาคนเดียวค่ะ 55555)
* วิธีแก้ปัญหาในเรื่องนี้ก็คือ เวลาผู้หญิงต้องการอธิบายอะไรให้ผู้ชายฟัง ควรพูดให้ละเอียดชัดเจน ถ้าเขาถามกลับมาเป็นคนละเรื่อง ก็ขอให้ใจเย็นไว้ก่อน แล้วค่อย ๆ อธิบายด้วยเหตุผล
* ผู้ชายอธิบายความรู้สึกของตัวเองเป็นคำพูดไม่เก่งนัก เพราะสมองซีกขวาซึ่งเป็นส่วนรับรู้อารมณ์ความรู้สึกกับสมองซีกซ้ายซึ่งควบคุมการใช้คำพูดประสานงานกันได้ไม่ค่อยราบรื่น
(เพราะคอร์ปัส แคลโลซัม ซึ่งเป็นกลุ่มใยประสาทที่เชื่อมโยงสมองทั้งสองซีกเข้าด้วยกันของผู้ชายบางกว่าของผู้หญิง--ผู้วิจารณ์)
ดังนั้นเมื่อผู้หญิงถามว่า “คุณคิดยังไงกับฉัน” ผู้ชายจึงมักรู้สึกอึกอัก และผู้หญิงก็จะงอนว่า “ทำไมแค่นี้ก็ตอบไม่ได้”
* ตัวอย่างการแก้ปัญหาคือ ถ้าผู้ชายเงียบไปในการสนทนาที่ขัดแย้งกัน ให้คุณผู้หญิงให้เวลาผู้ชายประมวลผลข้อมูลในสมองนานหน่อย เพราะเขาทำได้ช้ากว่าผู้หญิง
หรือถ้าคุณเป็นฝ่ายชาย ให้สงบสติอารมณ์แล้วบอกฝ่ายหญิงไปว่า “ขอผมคิดเงียบ ๆ สักครู่ คิดได้แล้วจะตอบ”
* การที่สมองผู้หญิงสามารถรับข้อมูลได้ครั้งละมากกว่าผู้ชายก็อาจเกิดผลเสียได้เหมือนกัน คือทำให้ผู้หญิงตัดสินใจช้าลง เพราะเธอต้องใช้เวลาประมวลผลมากกว่า
เช่น คุณผู้ชายอาจเคยหงุดหงิดที่แฟนสาวดูเมนูแล้วมัวแต่ลังเลเลือกอาหารที่จะสั่งไม่ได้เสียที
ดังนั้นขอให้คุณผู้ชายเข้าใจว่า การประมวลผลปริมาณข้อมูลที่ผู้หญิงได้รับแต่ละครั้งก็เหมือนกับการดาวน์โหลดภาพถ่ายความละเอียดสูงที่ใช้เวลานานกว่าปกตินั่นเอง จึงขอให้ใจเย็นไว้
* และเนื่องจากคอร์ปัส แคลโลซัมของผู้ชายเล็กกว่าของผู้หญิง เขาจึงมักจะจดจ่อได้เพียงทีละอย่าง ดังนั้นในการสนทนาเขาจึงมักจดจ่อไปที่ “เป้าหมายในการพูดคุย” เท่านั้น เขาจะไม่คิดเรื่องอื่นไปด้วยแบบผู้หญิง
(และไม่สามารถทำได้ด้วย!)
พูดง่าย ๆ ก็คือ ผู้ชายจะสนใจแค่ว่า ปัญหาอยู่ตรงไหน และทำอย่างไรจึงจะแก้ปัญหาเพื่อไปสู่เป้าหมายได้ แต่ผู้หญิงจะมีเรื่องความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
* และเนื่องจากผู้ชายไม่มั่นใจในความรู้สึกของตัวเองเท่าผู้หญิง ถ้าผู้หญิงไม่มีเหตุผลรองรับที่ดีพอในการสนทนา ผู้ชายก็ยากที่จะเข้าใจได้ และเมื่อเขาไม่เข้าใจ ก็จะไม่ลงมือทำ
* เวลาจะสื่อสารกับผู้ชาย ให้ผู้หญิงบอกประเด็นหลักสรุปไปตั้งแต่แรกเลย เช่น “ประเด็นสำคัญมี 3 ข้อ คือ...” และถ้าระหว่างพูดนึกเรื่องอื่นขึ้นมาได้ ก็ค่อยเสริมว่า “ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง คือ...”
* ผู้ชายเติบโตมากับการเล่นกีฬา ผู้หญิงเติบโตมากับการเล่นพ่อแม่ลูก ดังนั้นผู้ชายจึงอยากเติบโต เช่น ไปฝึกกล้ามเนื้อให้ใหญ่ขึ้น หรือเป็นประธานบริษัทที่คิดจะขยายบริษัทให้ใหญ่ขึ้น
ในขณะที่ผู้หญิงที่เป็นประธานบริษัทจะให้ความสำคัญกับตัวงานและบรรยากาศการทำงานมากกว่าขนาดของบริษัท
* เวลาผู้ชายจะพูดกับผู้หญิงในการทำงาน ควรใช้คำพูดที่แสดงให้เห็นว่าคุณให้ความสำคัญกับความร่วมมือร่วมใจและบรรยากาศในการทำงาน เช่น “เรามาพยายามทำไปด้วยกันเถอะ” ก็จะได้ความร่วมมือจากผู้หญิง
ส่วนฝ่ายหญิง ให้ถามหน้าที่ที่ตัวเองต้องทำงานในทีมเป็นอย่างแรก ผู้ชายจะเข้าใจได้ง่ายขึ้น เพราะเขาชินกับการเล่นกีฬาเป็นทีมแล้วมอบหมายหน้าที่แต่ละอย่างให้ผู้เล่นในทีม
* ผู้ชายต้องการเป็น “รักแรก” ของฝ่ายหญิง ส่วนผู้หญิงต้องการเป็น “รักเดียว” ของฝ่ายชาย
ดังนั้น ถ้าคุณผู้ชายรู้สึกดี ๆ กับผู้หญิงคนใด ควรใช้คำพูดว่า “คุณเป็นคนเดียวที่ทำให้ผมรู้สึกแบบนี้” อย่าใช้คำว่า “น่ารักที่สุด” ”สวยที่สุด” ฯลฯ เพราะผู้หญิงจะระแวงว่ามีคนอื่น ๆ ที่รองลงไปจากเธออยู่ด้วย
* ผู้ชายชอบผู้หญิงที่ทุกคนชอบ เช่น คนสวยในสายตาของทุกคน เพื่อพิสูจน์ว่าตนเองแข็งแกร่ง แต่ผู้หญิงจะเลือกคู่ครองที่เหมาะสมกับตนเองด้วยสัญชาตญาณอันเฉียบคม
ดังนั้น ถ้าคุณผู้ชายต้องการสื่อสารกับผู้หญิงที่คุณชอบจริง ๆ ก็จงใช้คำพูดที่ทำให้เธอรู้สึกว่า คุณยอมรับในตัวตนของเธอ หรือมีความรู้สึกนึกคิดแบบเดียวกับเธอ
* ผู้ชายอยากเป็น “ที่หนึ่ง” ผู้หญิงอยากเป็น “หนึ่งเดียว”
ดังนั้น คุณผู้ชายต้องพูดกับคุณผู้หญิงว่า “คุณคือคนพิเศษหนึ่งเดียวของผม” ส่วนคุณผู้หญิงต้องพูดทำนองว่า “คุณคือคน...ที่สุด” หรือ “ตอนนี้ฉันมีความสุขที่สุด” ก็ได้
* ในชีวิตครอบครัว ผู้ชายควรถามภรรยาว่า “มีอะไรให้พอช่วยได้ไหม”
ส่วนภรรยาก็ต้องสั่งงานบ้านสามีให้ชัดเจนที่สุดโดยนึกว่าเขาเหมือนพนักงานใหม่ของบริษัท และเมื่อเขาช่วยทำงานบ้าน ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาอย่างไรก็ตาม ต้องชมเขาเยอะ ๆ ไว้ก่อนและขอบคุณเขาที่ช่วย
หลังเอ่ยชมและขอบคุณเสร็จแล้ว ถ้าผลงานเขาไม่ได้ดั่งใจก็อย่าดุ แต่ให้บอกทางแก้ปัญหาไปเลย เช่น
“ถ้าเว้นระยะตากผ้าให้ห่างกันมากกว่านี้ จะยิ่งแห้งไว้ขึ้นนะ” แล้วยอมรับว่าตัวเองสั่งงานไม่ละเอียดเอง
จากนั้นค่อยสั่งให้ชัดเจนว่า “คราวหน้าขอตามนี้นะ” สามีก็จะเข้าใจเองว่า “มีคำสั่งใหม่เพิ่มขึ้นมา”
* ในการทำงาน ผู้ชายต้องการความก้าวหน้า ผู้หญิงต้องการความสบายใจ ดังนั้นเพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณวางใจในตัวเธอ คุณผู้ชายควรใช้คำพูดว่า “มีแต่คุณเท่านั้นที่ทำได้”
ส่วนผู้หญิงก็ควรแสดงให้ผู้ชายเห็นว่าคุณพร้อมที่จะลุยไปข้างหน้ากับความทะเยอะทะยานของเขา โดยการพูดว่า “งานนี้ต้องเอาชนะ(บริษัทคู่แข่ง)ให้ได้เลย!” เป็นต้น
* ในการทำงาน ผู้ชายให้ความสำคัญที่ผลลัพธ์ เช่นตัวเลขที่ชัดเจน ผู้หญิงให้ความสำคัญที่กระบวนการ
ดังนั้น เวลาคุณผู้หญิงจะเอ่ยชมผู้ชาย ให้ใช้คำพูดว่า “ทำยอดเพิ่มได้ ___เปอร์เซ็นต์จนได้นะ คนที่ใช้เทคนิค___ในการทำงานอย่างคุณถือว่าสุดยอดมาก”
* “ฮิปโปแคมปัส” ซึ่งเป็นสมองส่วนที่ทำหน้าที่จัดการความทรงจำของผู้หญิงมีขนาดใหญ่ ผู้หญิงจึงสามารถจำได้ดีกว่าผู้ชาย
ผู้หญิงจดจำได้ดีแม้กระทั่งความรู้สึก เพราะฮิปโปแคมปัสกับ “อะมิกดาลา” ซึ่งเป็นสมองส่วนความรู้สึกของผู้หญิงทำหน้าที่ประสานงานกันได้ดีกว่าของผู้ชาย
ดังนั้น เวลาเอ่ยขอบคุณลูกน้องเพศตรงข้ามที่ทุ่มเททำงานหนักจนงานสำเร็จ ผู้ชายควรพูดว่า “ลำบากมาหลายอย่างก็จริง แต่ก็สนุกดีเนอะ”
ส่วนผู้หญิงให้ชมลูกน้องชายว่า “ครั้งแรกของแผนกเราเลยนะที่สัญญาระดับ___ร้อยล้านเยนได้”
* กฎพื้นฐาน 4 ข้อ ในการเอ่ยชม ที่ใช้ได้ผลกับทุกเพศ คือ
1) ชมสิ่งที่เปลี่ยนไปจากเดิม
2) ชมในจุดที่อีกฝ่ายภาคภูมิใจ
3) ชมในจุดที่ตัวคุณเองประทับใจ(ในตัวตนหรือเรื่องราวข้าวของของอีกฝ่าย)
4) ชมทุกครั้งที่เจอหน้าอีกฝ่าย เจอหน้าปุ๊บให้ชมปั๊บ (ตอนแรกอาจไม่ชิน แต่ถ้าหมั่นใช้สติสังเกตสิ่งดี ๆ ของผู้อื่นอยู่เสมอ ก็จะทำได้เอง—ผู้วิจารณ์)
2) ชมในจุดที่อีกฝ่ายภาคภูมิใจ
3) ชมในจุดที่ตัวคุณเองประทับใจ(ในตัวตนหรือเรื่องราวข้าวของของอีกฝ่าย)
4) ชมทุกครั้งที่เจอหน้าอีกฝ่าย เจอหน้าปุ๊บให้ชมปั๊บ (ตอนแรกอาจไม่ชิน แต่ถ้าหมั่นใช้สติสังเกตสิ่งดี ๆ ของผู้อื่นอยู่เสมอ ก็จะทำได้เอง—ผู้วิจารณ์)
* ในการทำงานผู้ชายมักมีสมาธิดี(เพราะจดจ่อได้ทีละอย่าง)และมักทุ่มสุดตัวลงไปในสิ่งที่ทำอยู่ ส่วนผู้หญิงช่างสังเกตรับข้อมูลผ่านทุกประสาทสัมผัสได้มากกว่าและประมวลผลข้อมูลได้คราวละมาก ๆ จึงมักปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์
ดังนั้น ถ้าลูกน้องหญิงของหัวหน้าชายคิดมากเรื่องงานที่ได้รับมอบหมายเกินไปจนเริ่มทำอะไรไม่ถูก ก็ให้คุณให้กำลังใจเธอว่า “ลองทำไปก่อนเถอะนะ ไว้ค่อยมาแก้ไขทีหลังก็ได้”
ส่วนถ้าลูกน้องชายของหัวหน้าหญิงเริ่มมองอะไรแคบลงเรื่อย ๆ ก็ให้หัวหน้าหญิงช่วยให้เขาเห็นภาพรวมและสรุปข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้
* การหมั่นฝึกวิเคราะห์ว่า “ทำไมคนนี้ถึงพูดแบบนั้น” “ทำไมคนนั้นถึงทำแบบนี้” จะทำให้คุณเข้าใจวิธีคิดในรูปแบบต่าง ๆ ของคนรอบตัวได้มากขึ้น
==ข้อคิดที่ได้จากหนังสือเล่มนี้==
* ถ้าอ่านรีวิวแล้วคุณผู้อ่านรู้สึกว่ายุ่งยากที่จะต้องมานั่งจำวิธีแก้ปัญหาทั้งหมด ครูแนะนำให้ข้อเดียวค่ะ คือ “ใช้สติ”
ใช้สติคอยสังเกตดู คอยฟังด้วยสติ สื่อสารออกไปด้วยสติ เพียงแค่นี้คุณก็สามารถจะสื่อสารกับคนทุกรูปแบบได้ดีขึ้นแล้ว
วันนี้คุณคิดจะทดลองสื่อสารด้วยสติกับใครดีคะ?
หนังสือชื่อ “ผู้หญิงไม่อธิบาย ผู้ชายเดาใจไม่เป็น” โดย อิโอตะ ทัตสึนะริ แปลโดย อารีรัตน์ นาคสวัสดิ์ สำนักพิมพ์วีเลิร์น 261 หน้า ราคา 220 บาท มีจำหน่ายที่ร้านหนังสือชั้นนำและเวบไซต์ร้านหนังสือทั่วไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น