การฝึกสมองทั้งสองด้านไปพร้อม ๆ กันไม่ได้ยากอย่างที่เราคิด
เชื่อหรือไม่ว่าคุณสามารถทำได้เดี๋ยวนี้เลย
=ภาพรวม=
หนังสือแปลจากภาษาเกาหลีนี้ไม่ใช่หนังสือสอนวาดภาพ แต่สอนวิธีให้เราหัดใช้ศักยภาพสมองให้เต็มที่ทุก ๆ วัน ด้วยการคิดเป็นภาพและสื่อสารออกมาด้วยภาพง่าย ๆ ประกอบตัวอักษร
ในเล่มมีตัวอย่างภาพและพื้นที่ให้ลองวาดตามมากมาย ตั้งแต่ภาพเครื่องหมายต่าง ๆ ภาพคนในกิจกรรมพื้นฐาน ไปจนถึงการแสดงสีหน้าแบบง่าย ๆ ถึงแม้ลายเส้นอาจจะดูไม่น่ารักเท่าหนังสือแนวเดียวกันของญี่ปุ่น(ในสายตาผู้วิจารณ์) แต่ก็เพียงพอที่จะสื่อความหมายและฝึกสมองของเราได้
ท้ายเล่มมีการสอนใช้ภาพประกอบตัวอักษรทำ Flow Chart และ Mindmap เพื่อยกระดับการคิด การตัดสินใจ และการสื่อสารไปอีกขั้น
หนังสือเขียนง่าย ๆ และใช้ภาพที่สื่อง่าย ๆ แม้แต่ผู้ที่ไม่มีพื้นฐานการวาดภาพใด ๆ ก็สามารถฝึกตามได้
=น่าสนใจจากในเล่ม=
* โลกทุกวันนี้เต็มไปด้วยข้อมูลข่าวสารมากมาย แต่สมองมนุษย์รับข้อมูลได้จำกัด เราจึงต้องหาวิธีรับข้อมูลเข้ามาอย่างมีประสิทธิภาพ โดยทำให้น่าสนใจ เข้าใจง่าย ไม่ยุ่งยาก และมีประสิทธิภาพสูงสุด
* ธรรมชาติของสมองเรานั้น จะจดจำภาพได้ดีกว่าตัวอักษร
* การใช้ทั้งภาพและตัวอักษรประกอบการชวยในการจดจำและทำความเข้าใจ เรียกว่า Visual Thinking หรือการคิดให้เป็นภาพ
* Visual Thinking ต้องประกอบด้วยองค์ประกอบดังนี้ 1) ใช้ภาพร่วมกับตัวอักษร 2) เห็นแล้วเข้าใจง่าย 3) มีใจความสำคัญและสื่อสารอะไรบางอย่าง
* Visual Thinking ต่างกับ Infographic ตรงที่อย่างหลังต้องมีทักษะการใช้โปรแกรมและความสามารถในการออกแบบอีกทั้งใช้เวลานาน แต่ Visual Thinking ง่ายกว่านั้น สามารถใช้กระดาษและปากกาทำได้ทันที
* สมองซีกซ้าย ทำงานเกี่ยวกับภาษา ตัวเลข และการใช้เหตุผล
* สมองซีกชวา ทำงานเกี่ยวกับภาพ ศิลปะ ดนตรี และจินตนาการ
* สาเหตุที่เรารู้สึกเหมือนสมองช้า จำอะไรไม่ค่อยได้ เพราะเราใช้งานสมองหนักอยู่ซีกเดียว คือซีกซ้าย แทบไม่ได้ใช้ทางขวาเลย
* ธรรมชาติของมนุษย์นั้นชอบภาพวาด แรกเริ่มนั้นมนุษย์ทุกคนเริ่มสื่อสารกันด้วยภาพ ไม่ใช่ตัวอักษร และทันทีที่กล้ามเนื้อมือแข็งแรงพอ เด็กทุกคนก็จะวาดสิ่งที่ตัวเองชอบอย่างสนุกสนาน
* ดังนั้น การคิดเป็นภาพจึงสอดคล้องกับธรรมชาติของสมอง
* สมองจะจำและจดจ่อกับข้อความได้แค่บางส่วน ภาพจะช่วยให้เราสนใจจดจ่อได้นานขึ้น
* มีงานวิจัยหนึ่งบพบว่า ไอเดียใหม่ ๆ หรือความคิดสร้างสรรค์จะเกิดขึ้นเมื่อเราใช้สมองซีกซ้ายและขวาพร้อม ๆ กัน เพราะฉะนั้น เมื่อคิดเป็นภาพจนชิน เราก็จะเกิดแรงบันดาลใจและไอเดียใหม่ ๆ ได้ง่ายขึ้น
* การคิดด้วยภาพ ช่วยให้เห็นภาพรวมและตัดสินใจได้เร็วและแม่นยำขึ้น
* หัวใจของการคิดด้วยภาพ อยู่ที่การจับใจความสำคัญ แล้วถ่ายทอดสิ่งที่อยู่ในหัวออกมาเป็นภาพและตัวอักษรโดยใช้เวลาและความพยายามน้อยที่สุด
* เราสามารถเริ่มฝึกคิดด้วยภาพได้ง่าย ๆ ด้วยการฝึกจดบันทึกสิ่งที่ทำในวันนั้นโดยใช้ภาพประกอบ
* เทคนิคการวาดรูปให้ดูดีแบบง่าย ๆ คือใช้ปากกาเส้นหนาและใส่เงา สมองสนใจสิ่งที่ดูเป็นมิติ ดังนั้นการใส่เงาจะทำให้สมองสนใจทันที
* การฝึกคิดด้วยภาพ หรือ Visual Thinking นี้เหมือนกับการเรียนภาษา โดยเริ่มจากภาพเดี่ยว ๆ เรียกว่า Visual Unit จากนั้นจึงนำมาเชื่อมโยงเป็นประโยคหรือ Visual Mix และถ้าข้อมูลที่ถ่ายทอดซับซ้อนมากขึ้น เชน สรุปบทความ ก็เรียกว่า Visual Message
* ในการทำ Visual Mix เช่น ขั้นตอนการชงกาแฟ ต้องเขียนข้อมูลทั้งหมดออกมาเป็นตัวอักษรก่อน โดยเขียนลงไปในกระดาษโพสท์อิทแยกกันไว้ 1 แผ่นต่อ 1 ประโยค จากนั้นค่อยเปลี่ยนใจความสำคัญให้เป็นภาพง่าย ๆ
* การเรียงข้อมูลแบบกระจายออกจากศูนย์กลางของ Mind Map ตรงกับการทำงานของสมองมากที่สุด จึงทำให้เราจำได้มาก จำได้เร็ว และจำได้แม่นที่สุด
* เราใช้ Mind Map กับเนื้อหาที่ยาวมาก ๆ เช่น สรุปบทความ เรียงความ หรือแม้แต่หนังสือทั้งเล่ม
* การจะเขียน Mind Map ได้ดี ต้องฝึกเพิ่มอีก 1 ทักษะ คือการจัดกลุ่มและแยกแยะความสัมพันธ์ของข้อมูลที่หลากหลาย
* เราสามารถใช้ Visual Thinking ช่วยในการเขียนเป้าหมายของชีวิตเราลงในกระดาษ เพราะการใช้ทั้งภาพและตัวอักษรประกอบกันนั้นจะส่งผลให้เราพยายามทำความตั้งใจนั้น ๆ จริง ๆ มากกว่าการคิดอยู่ในใจเฉย ๆ
==ข้อคิดที่ได้จากหนังสือเล่มนี้==
* หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ถ้าอ่านเพียงอย่างเดียวจะไม่ได้ประโยชน์สูงสุด หากเราพยายามฝึกวาดภาพตามลายเส้นที่ในเล่มเตรียมไว้ให้ทั้งหมด สมองก็จะได้รับการฝึกให้มีความสมดุล เห็นภาพรวม และเกิดความคิดสร้างสรรค์ในเรื่องต่าง ๆ ได้ไม่มากก็น้อย
หนังสือชื่อ “ฝึกสมอง ลองจดบันทึกเป็นภาพ” โดย ชอง จินโฮ แปลโดย อภิศรี นิรุตติปัญญากุล สำนักพิมพ์พราว 264หน้า ราคา 180 บาท มีจำหน่ายที่ร้านหนังสือชั้นนำและเวบไซต์ร้านหนังสือทั่วไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น