วันอังคารที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” เล่มที่ 446 วันนี้ จะมาคุยถึงหนังสือชื่อ “ใช้เวลาแค่วันละ 1 นาที ชีวิตดี 24 ชั่วโมง”

คุณสามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตได้ด้วยการเริ่มลงมือทำอะไรเพียงสัก 1 นาที


คุณเคยบอกตนเองไหมว่า "ฉันอยากเริ่มทำอะไรใหม่ ๆ" หรือ "ฉันอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองเรื่องนี้" หรือแม้แต่ "ฉันอยากทำสิ่งนี้ให้เป็นกิจวัตร"
แต่เรามักนึกว่าเราไม่มีเวลา ไม่มีเงิน หรือไม่รู้จะปรึกษาใคร
แล้วทุกอย่างก็มักจบลงด้วยบทสรุปว่า "คงทำไม่ได้หรอก"
ถ้าคุณเป็นเช่นนั้น ลองอ่านหนังสือเล่มนี้ดู
=ภาพรวม=
หนังสือจิตวิทยาพัฒนาตนเองเล่มนี้ของญี่ปุ่นเป็นอีกเล่มที่อ่านเพลินและมอบวิธีปฏิบัติที่นำไปใช้ได้ทันทีไว้มากมาย วิธีส่วนใหญ่ใช้เวลาเพียง 1-5 นาที เท่านั้น
ผู้แต่งเป็นเจ้าของกิจการฝึกคนไฟแรง ที่กล้าก้าวออกมาจากการเป็นพนักงานบริษัทที่มั่นคงมาบริหารสถาบันแนะแนวการศึกษาและการทำงาน และในที่สุดก็เปิดกิจการของตนเอง
ด้วยอุปนิสัยใฝ่รู้ใฝ่เรียน ผู้แต่งได้ไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยชั้นแนวหน้าของสหรัฐอเมริกา ไปเรียนภาษาที่ประเทศจีน 1 ปี และเรียนคอร์สพัฒนากายใจต่าง ๆ อีกหลายอย่าง ดังนั้นจึงมีเกร็ดความรู้และวิธีการลงมือปฏิบัติที่ได้ผลจริงมากมายมาแนะนำในเล่ม
แค่อ่านเฉย ๆ ก็ได้แรงบันดาลใจแล้ว ถ้านำไปลงมือปฏิบัติจริง ๆ ด้วย คุณภาพชีวิตที่ดียิ่ง ๆ ขึ้นก็จะรอคุณอยู่
=น่าสนใจจากในเล่ม=
* การมีแรงบันดาลใจไม่ได้ช่วยให้เราลงมือปฏิบัติได้จริง แต่การลงมือปฏิบัติต่างหากที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้เพิ่มมากขึ้น
* การลงมือทำเรื่องเล็ก ๆ จะสร้างความมั่นใจให้เราทีละน้อยจนก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้ เมื่อวงล้อของพฤติกรรมใหม่ ๆ เริ่มหมุน มันจะเปลี่ยนชีวิตเราไปในทางที่ดีขึ้นได้
* มีคนบางคนชีวิตการทำงานดีขึ้นมากเพียงเริ่มจากการจัดระเบียบสมุดบันทึกกำหนดการงานและนัดหมายประจำวันเท่านั้น โดยตั้งใจจดบันทึกให้ดูสะอาดเรียบร้อย วาดรูปสี่เหลี่ยมเป็น checkbox หน้าหัวข้อต่าง ๆ
* พฤติกรรมที่เราลงมือทำในตอนเช้าจะสร้างผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ให้กับทั้งวันที่เหลือ และเมื่อทุกวันของคุณกลายเป็นวันที่ดีขึ้น ชีวิตของคุณก็จะเปลี่ยนไป
* การอ่านออกเสียงเป้าหมายของเราทุกเข้าและก่อนนอน จะทำให้เราเข้าใกล้ตัวตนในอุดมคติมากขึ้น เพราะช่วงเวลาดังกล่าวร่างกายจะอยู่ในสภาพที่เราสามารถสื่อสารกับจิตใต้สำนึกได้ง่าย ถ้าเราอ่านออกเสียงช่วงดังกล่าวจะทำให้จิตใต้สำนึกเราตื่นตัว ส่งผลให้เราเริ่มลงมือทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายได้
* ประโยคเตือนใจ คือข้อความที่แสดงถึงบุคคลที่เราอยากจะเป็น โดยให้คิดว่า "เราอยากทำอะไรเพื่อช่วยเหลือสังคมบ้าง" และ "ตัวตนในอุดมคติของเราเป็นอย่างไรบ้าง" คำตอบจะออกมาในรูปแบบที่ว่า "ฉันจะเป็นอะไร ที่สามารถทำอะไรได้บ้าง"
* บางครั้งการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตามที่เราวาดภาพในอุดมคติไว้ก็สำคัญกว่าการทำเป้าหมายให้สำเร็จ เพราะถึงแม้เราจะทำยอดขายได้ตามเป้า แต่ถ้าตัวตนของเรายังไม่เป็นอย่างในอุดมคติที่วาดภาพไว้ เราก็อาจจะยังผิดหวังได้
* ลองตั้งใจฮึดสู้ทำอะไรอย่างเต็มที่สัก 1 นาทีดู ให้คิดว่าถ้าทำได้ 1 นาทีก็โอเคแล้ว เพราะส่วนมากถ้าทำได้ 1 นาทีแล้ว แรงฮึดที่เหลือก็จะตามมาเอง จากนั้นการจะทำต่ออีกสัก 5 นาที 10 นาที ก็ไม่ใช่เรื่องยากแล้ว
* บางครั้งการกระทำก็สามารถเป็นตัวกำหนดอารมณ์และความคิดได้ เช่น ตอนรู้สึกเศร้า ถ้าเราพยายามยิ้ม เราอาจรู้สึกดีขึ้นมาได้บ้าง
* ตั้งเป้าที่จะลองทำสิ่งใหม่วันละ 1 อย่าง เราก็จะรู้สึกตัวว่า "เรากำลังเปลี่ยนแปลงตัวเราไปเรื่อย ๆ" หรืออีกนัยหนึ่งคือ "เรากำลังค่อยพัฒนาขึ้นไปเรื่อย ๆ" นั่นเอง
* เวลาพูดว่า "ต้อง" จะรู้สึกเหมือนเป็นหน้าที่ ให้พูดคำว่า "อยาก" แทน เช่น แทนที่จะพูดว่า "ต้องเรียน" หรือ "ต้องเขียนขอบคุณ" ให้พูดว่า "อยากเรียน" และ "อยากขอบคุณ" คำเพียงคำเดียวสามารถเปลี่ยนความรู้สึกและการกระทำของเราได้
* เวลาพูดถึงเป้าหมายอย่าใช้ประโยคปฏิเสธ เช่น "ฉันจะไม่นอนตื่นสาย" แต่เปลี่ยนเป็น "ฉันจะตื่นตี 5 ทุกวัน" แทน
* การจงใจสร้างสถานการณ์ที่ลำบากบีบคั้นให้ตนเอง เช่น การตั้ง deadline เอง สมองเราก็จะสามารถสั่งการและทำได้สำเร็จเอง
* อย่าใช้เงินที่หามาได้ไปกับตัวเองทั้งหมด ให้แบ่งบางส่วนให้คนอื่นบ้าง แล้วเราจะได้รับผลตอบแทนกลับมาเอง
* อ่านหนังสือแล้วต้องนำความรู้มาปฏิบัติด้วย ฝึกให้หาความรู้ได้อย่างน้อย 3 เรื่องจากหนังสือ 1 เล่ม และนำมาปฏิบัติจริงให้ได้อย่างน้อย 1 ข้อเสมอ
* เวลาที่อยากจุดไฟในตัวเองให้ลุกขึ้นสู้ แทนที่จะพยายามสร้างให้ตัวเองมีแรง ลองส่งแรงให้คนรอบข้างดู เราจะได้แรงกลับมาเช่นกัน ลองคิดว่า "เราจะทำให้คนอื่นมีความสุขจากงานที่เราทำได้อย่างไร" เวลาที่เราสามารถทำให้คนอื่นมีความสุขได้ ตัวเราเองนี่ล่ะจะมีความสุขที่สุด
* การสร้างแรงให้กับคนรอบข้าง สามารถเริ่มได้จากเรื่องง่าย ๆ เช่น เข้าร้านกาแฟก็ยิ้มทักทายพนักงาน ยิ่งส่งพลังให้คนอื่นมากเท่าไหร่ เราก็จะมีพลังมากขึ้นเท่านั้น
* เวลาจะทำอะไร อย่าเพิ่งกังวลถึงผลลัพธ์ หรือ การตอบรับ ให้ตั้งเป้าหมายไว้ที่ "การลงมือทำ" เพียงเท่านี้ก็ไม่มีอะไรจะต้องกลัว คนที่ไม่สามารถลงมือทำอะไรได้สักที ส่วนใหญ่เป็นเพราะกังวลกับผลลัพธ์มากเกินไป
* สิ่งสำคัญในการทำฝันให้เป็นจริงคือ ต้องเริ่มก้าวแรกโดยการลงมือทำในสิ่งที่เราทำได้ตอนนี้ การที่เราจะเริ่มก้าวแรกได้หรือไม่นั้นจะส่งผลอันยิ่งใหญ่ต่อชีวิตของเราในภายภาคหน้า
* เวลาอยากเปลี่ยนงาน ให้ลองไปดูสถานที่ทำงานของบริษัทที่เราต้องการสมัครดู นั่นเป็นก้าวแรกที่สำคัญมาก
* เคล็ดลับของการเรียนรู้สิ่งใหม่ให้สำเร็จคือ การตั้งเป้าหมายแบบเป็นรูปธรรมไปทีละขั้น เช่น ผู้เขียนตั้งเป้าว่าจะเรียนภาษาจีนจนสามารถพูดได้อย่างคล่องแคล่ว ก็เริ่มต้นจากการ "ท่องและคัดคำศัพท์ใหม่ทุก ๆ วัน วันละ 200 คำ" เป็นต้น และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องทำตามอย่างเคร่งครัด
* ดังนั้น สิ่งที่เราสามารถทำได้ตอนนี้ทันทีภายในเวลา 3 นาที คือ การคิดออกมาให้ได้ 1 อย่างว่า "เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ สิ่งที่เราต้องทำทุกวันคืออะไร"
* แทนที่จะรู้สึกทนทรมานกับการเดินทางและมองว่าความสำเร็จอยู่หลังเข้าเส้นชัยเพียงอย่างเดียว เราควรมีความสุขไปกับเส้นทางที่ต้องวิ่งผ่านด้วยเพื่อให้เราสามารถวิ่งต่อไปได้นาน ๆ สิ่งหนึ่งที่ทำได้คือ การสร้่างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดี เช่น ไปทำงานในสถานที่ที่สบายตา สบายใจ ร่มรื่น เป็นต้น
* ควรแบ่งเวลาอ่านหนังสือเป็น อ่าน 50 นาที พัก 10 นาที จะดีต่อสมองที่สุด และควรใช้ 5 นาทีสุดท้ายทบทวนเนื้อหาที่เพิ่งอ่านไปอีกครั้ง
* ทั้งนี้เพราะนักจิตวิทยาชื่อ เฮอร์แมนน์ เอบบิงเฮาส์ กล่าวไว้ว่า เมื่อเวลาผ่านไปเพียง 1 ชม. คนเราจะลืมสิ่งที่พยายามจำใหม่ ๆ ไปถึง 56% และเมื่อผ่านไป 24 ชม. เราจะลืมไปถึง 74% เพราะฉะนั้นการทวนให้ขึ้นใจก่อนที่เราจะลืม จะช่วยให้อัตราการลืมนั้นลดลงได้
* หากต้องการเริ่มวันใหม่ด้วยความแข็งขัน ให้จบวันก่อนหน้าด้วยความรู้สึกพึงพอใจในการทำงาน เช่น เมื่อครบกำหนดเวลาในการทำงานหรืออ่านหนังสือ ให้ลองทำต่อไปอีกสัก 1 นาที จะเกิดความรู้สึกพึงพอใจ(ที่ได้ทำเพิ่ม)ขึ้น
* ควรเขียนบันทึกประจำวันทุกวัน โดยใช้สมุดโน้ตธรรมดา ๆ เพราะถ้าใช้ไดอะรี่ทั่วไปจะมีพื้นที่ให้เขียนจำกัด การเขียนบันทึกช่วยให้เราได้ใช้ความคิดอย่างลึกซึ้งซึ่งจะช่วยในการพัฒนาตนเอง นอกจากนี้เราจะยังมองเห็นสิ่งที่ตัวเองพัฒนาขึ้นทุก ๆ วัน เมื่อเห็นแล้วก็จะมีแรงทำงานในวันต่อ ๆ ไป
* นอกจากนี้ การเขียน "เรื่องดี ๆ ในช่วงนี้" เพิ่มเข้าไป ก็จะช่วยให้คลายอาการจิตตกได้ด้วย
* พื้นฐานของการทำธุรกิจก็คือ "การทำอะไรสักอย่างให้กับผู้อื่น" แต่เราต้องเริ่มจากการเอาใจใส่ตนเองก่อน (เช่นเรื่องสุขภาพ) เพราะหากเรายังดูแลตัวเองไม่ได้ ย่อมไม่สามารถดูแลคนอื่นได้เช่นกัน
* ถ้าเราคิดว่า "การเลิกบุหรี่เป็นเรื่องยาก" เราก็จะยิ่งทำไม่ได้ เพราะฉะนั้นต้องใช้วิธีคิดในแง่บวก คล้าย ๆ กับการสะกดจิตตัวเองว่า "ถ้าเลิกได้ เราต้องเท่มากแน่นอน" หรือ "การเลิกบุหรี่นั้นง่ายมาก เรารักตัวเอง รักสิ่งรอบตัว" เป็นต้น
* พยายามค้นหาและจดจำสิ่งดี ๆ ที่ได้รับจากคนอื่น และลองฝึกขอบคุณสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น ก่อนทานอาหารทุกมื้อให้พูดว่า "ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้" ด้วยใจจริง ใช้เวลา 15 วินาทีขอบคุณผักและสัตว์ที่ถูกนำมาปรุงเป็นอาหาร และขอบคุณทุกสิ่งที่เกี่ยวข้อง เช่น คนปลูกผัก คนเลี้ยงสัตว์ รวมไปถึงคนปรุงอาหาร
* เพียงแค่เราระลึกถึงสิ่งที่ผู้อื่นทำให้ เราก็จะรู้สึกขอบคุณขึ้นมา ชีวิตของคนที่รู้จักขอบคุณผู้อื่นอยู่เสมอจะเติมเต็มกว่ามาก และเราจะรู้จักมอบความรักให้กับคนอื่นมากกว่าคิดถึงแต่ตัวเอง
* จงอย่าลืมสิ่งที่เราเองเคยทำผิดพลาด เพื่อที่เราจะได้มีความมุ่งมั่นในการทำอะไรเพื่อผู้อื่นอย่างนอบน้อมและไม่กลายเป็นคนเย่อหยิ่ง เพราะทุกคนล้วนแต่เคยทำผิดพลาดกันมาทั้งนั้น
* การเริ่มต้นจาก 0 เป็น 1 เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ถ้าเราผ่านการเริ่มต้นมาได้แล้วและยังคงปฏิบัติต่อไปเรื่อย ๆ เราก็จะบรรลุจุดหมายได้ในที่สุด
* การกำหนดว่า "1” คืออะไรนั้นขึ้นอยู่กับตัวเราเอง แต่จะต้องเป็นด่านแรกที่สามารถลงมือทำได้จริง
* จุดเปลี่ยนที่จะทำให้อนาคตหันเหไปในทางที่ดีขึ้นอาจเริ่มต้นจาก "1 นาที" ของเช้าวันพรุ่งนี้ก็ได้
* เพราะเพียงแค่คุณเปลี่ยน "1 นาที" หลังตื่นนอนตอนเช้า วันนั้นทั้งวันของคุณก็จะเปลี่ยนไป หากเราเปลี่ยนได้ 1 วัน ทั้งสัปดาห์ก็จะเปลี่ยนไป แล้วในที่สุดชีวิตเราก็จะค่อย ๆ เปลี่ยนไปในทางที่ดีตามที่คุณตั้งเป้าไว้เอง
* สิ่งสำคัญที่สุดคือการเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงที่ทำได้จริง ทีละเล็กละน้อย
หนังสือชื่อ “ใช้เวลาแค่วันละ 1 นาที ชีวิตดี 24 ชั่วโมง” โดย ฮิโระยุกิ มิยะเกะ แปลโดย อาคิรา รัตนาภิรัต สำนักพิมพ์ Amarin HOW-TO 2559 195 หน้า ราคา 195 บาท มีจำหน่ายที่ร้านหนังสือชั้นนำและเวบไซต์ร้านหนังสือทั่วไป
------------------------------------------------------------------
คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” มีขึ้นเพื่อส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาตนเองและประเทศชาติ โดยผู้วิจารณ์เลือกอ่านเองโดยอิสระไม่ได้รับจ้างสำนักพิมพ์ใดมาเขียน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น