วันอังคารที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” เล่มที่ 459 วันนี้ จะมาคุยถึงหนังสือ ชื่อ “จอห์น เอฟ. เคนเนดี”

อยากได้แรงบันดาลใจในการทำงานจากชายหนุ่มนักฝันผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ไหม?


=ภาพรวม=
หนังสือเล่มย่อมอ่านรวดเดียวจบนี้เล่าถึงชีวประวัติของประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี้ ไว้อย่างน่าสนใจ มีหลายแง่มุมที่เราท่านอาจไม่เคยรู้มาก่อน
เส้นทางสู่ความสำเร็จของเคนเนดี้ไม่ได้ราบรื่นอย่างที่ทุกคนคิด เขาฝ่าฟันจนสามารถสร้างประวัติศาสตร์ได้อย่างไร? ส่วนหนึ่งต้องยกเครดิตให้ครอบครัวเคนเนดี้ตั้งแต่รุ่นปู่ ที่บ่มเพาะคุณลักษณะแห่งผู้นำและแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ไว้ให้กับลูกหลานทุกคน
หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับคนทุกวัยที่อยากได้แรงบันดาลใจในการเรียนและทำงานให้ประสบความสำเร็จ เหมาะเป็นพิเศษสำหรับนักเรียน นิสิตนักศึกษาเพื่อจะได้มีตัวอย่างบุคคลต้นแบบไว้พัฒนาตนเอง และสำหรับผู้เป็นพ่อแม่ เพื่อที่จะได้แนวทางในการส่งเสริมลูกหลานให้ไปถึงฝันของพวกเขาต่อไป
=น่าสนใจจากในเล่ม=
* ทวดของเคนเนดี้ได้อพยพหนีความยากจนจากไอร์แลนด์มาที่บอสตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อปีพ.ศ. 2393 (ปลายสมัยรัชกาลที่ ๓) และได้ต่อสู้เพื่อเลี้ยงชีพอย่างปากกัดตีนถีบ ทำงานหนักทุกวันไม่มีวันหยุด
* นอกเหนือจากการต้องต่อสู้ทำมาหากินแล้ว บรรดาชาวไอริชซึ่งนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมัน คาทอลิค ก็ยังถูกกีดกันจากชาวอเมริกันที่ส่วนใหญ่นับถือนิกายโปรแตสแตนท์อีกด้วย นายจ้าง ห้างร้าน บริษัท และโรงงานต่าง ๆ จะไม่รับชาวไอริชและคาทอลิคเข้าทำงาน
* ปู่ของเคนเนดี้ชื่อแพทริก เริ่มต้นก็เป็นเด็กยากจนที่โดนกีดกันในทุก ๆ ด้าน แต่แพทริกไม่มองว่านั่นเป็นอุปสรรค กลับเอามาเป็นแรงขับเพื่อที่จะมุ่งมั่นพัฒนาตนเองให้เป็นที่ยอมรับนับถือ ในขณะเดียวกันก็มีความอ่อนน้อมถ่อมตน
* เนื่องจากแพทริกไม่มีโอกาสเรียนสูง จึงพยายามขวนขวายหาซื้อหนังสือมาอ่าน เพื่อที่จะมีความรอบรู้และหูตากว้างไกล นอกจากความอ่อนน้อมถ่อมตนแล้ว เขาก็ให้ความเป็นมิตรกับทุก ๆ คน และช่วยเหลือทุกคนเท่าที่ทำได้ จนได้รับเลือกตั้งเป็นนักการเมืองระดับท้องถิ่นสำเร็จ
* พ่อของจอห์น เอฟ. เคนเนดี้ คือ โจเซฟ พี. เคนเนดี้ เป็นเคนเนดี้รุ่นแรกที่ได้รับการศึกษาดี และด้วยความมุ่งมั่นเพียรพยายาม เขาก็สามารถสอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้ และได้เข้าทำงานธนาคาร
* จอห์น เอฟ. เคนเนดี้ เกิดเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2460 (ตรงกับรัชสมัยรัชกาลที่ ๖) พ่อของเคนเนดี้จะฝึกลูก ๆ ทุกคนให้มีนิสัยชอบแข่งขัน และต้องพยายามเอาชนะให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน กีฬา การโต้วาทีโดยใช้เหตุผลหรือเรื่องอื่น ๆ
* แต่ถึงจะสอนให้ชอบการแข่งขันกัน พ่อของเคนเนดี้ก็สอนให้ลูก ๆ รักใคร่กันช่วยเหลือกันเสมอ
* นอกจากนี้ลูก ๆ บ้านเคนเนดี้ได้รับการฝึกให้รับผิดชอบตนเอง เข็มแข็ง เอาการเอางาน
* โจเซฟ พี. เคนเนดี้ จูเนียร์ พี่ชายคนโตของจอห์น เป็นคนที่เก่งรอบด้านและดูแลน้อง ๆ ได้อย่างดี โจ จูเนียร์เป็นความหวังของพ่อแม่ว่าจะต้องขึ้นเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐฯ แต่โจได้เสียชีวิตเสียก่อนตั้งแต่วัยหนุ่มในเหตุการณ์เครื่องบินตกในสงครามโลกครั้งที่ 2
* จอห์น เอฟ. เคนเนดี้ก็พยายามเอาอย่างพี่ชาย แต่เก่งไม่เท่าเพราะเป็นเด็กขี้โรคมาตั้งแต่เล็ก แต่ถึงแม้จะหัวไม่ดีเท่าพี่ชาย แต่จอห์นก็รักการอ่านหนังสือมาก เขาสามารถอ่านหนังสือต่าง ๆ ได้อย่างไม่รู้จักเบื่อหน่ายทั้ง ๆ ที่นอนป่วยอยู่บนเตียง
* นอกจากนี้ แม้จะสุขภาพไม่ดีด้วยโรคประจำตัวหลายโรค แต่เขาก็ยังเพียรพยายามที่จะพัฒนาตนเองด้วยการเล่นกีฬาทุก ๆ ประเภท จนการเล่นอเมริกันฟุตบอลทำให้เขาได้รับบาดเจ็บร้ายแรงที่หลังจนถึงขั้นต้องโดนผ่าตัดและปวดเรื้อรังไปตลอดชิต
* ตอนเป็นนักศึกษาอยู่ เคนเนดี้เป็นคนขี้อาย ชอบเก็บตัวอยู่เงียบ ๆ อ่านแต่หนังสือ พ่อของเขาจึงคิดว่าเขาคงจะเติบโตขึ้นเป็นครูหรือไม่ก็นักเขียน
* เคนเนดี้เรียนจบรัฐศาสตร์ด้วยคะแนนเกียรตินิยม และวิทยานิพนธ์ปี 4 ของเขาก็ได้รับการตีพิมพ์และกลายเป็นหนังสือเบสต์เซลเลอร์
* เคนเนดี้เริ่มเรียนคณะนิติศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยเยลไปได้เพียง 6 เดือนก็เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาจึงเลือกที่จะไปรับใช้ชาติ
* แม้จะเกณฑ์ทหารไม่ผ่านถึง 2 ครั้งแรก ทั้งทหารบกและทหารเรือ แต่เขาก็พยายามฟิตร่างกายจนเข้าเป็นทหารเรือได้สำเร็จ
* ตอนเป็นทหารเรือ เขานำกองเรือออกลาดตระเวน แล้วถูกเรือพิฆาตญี่ปุ่นยิงจนเรือแตก เขาโดนแรงกระแทกกระเด็นไปจนกระดูกสันหลังเคลื่อน แต่ก็ยังช่วยลูกน้องคนหนึ่งที่บาดเจ็บหนักกว่า ด้วยการว่ายน้ำกรรเชียงพาลูกน้องที่ใส่เสื้อชูชีพไป โดยใช้ปากคาบสายเสื้อชูชีพของลูกน้องไปตลอดทางทั้ง ๆ ตัวเองก็บาดเจ็บ จนว่ายไปเจอเกาะ แล้วขอความช่วยเหลือจากชาวพื้นเมืองได้สำเร็จ
* หลังสงคราม เคนเนดี้ทำงานเป็นนักหนังสือพิมพ์อยู่พักหนึ่งก่อนตัดสินใจสมัครเป็นสมาชิกผู้แทนราษฎรของรัฐแมสสาชูเสทท์ส พี่น้องตระกูลเคนเนดี้ก็รวมตัวกันให้การสนับสนุนเต็มที่
* ถึงแม้เคนเนดี้จะเป็นนักการเมืองหนุ่มมือใหม่ แต่เขาอาศัยความจริงใจและความเพียรพยายามเดินไปเคาะประตูบ้านชาวบ้านทุกหลังในเขตเลือกตั้งเพื่อพูดคุยอย่างเป็นกันเอง ได้ฟังทุกข์สุขของชาวบ้าน และได้คุยกับชาวบ้านถึงแนวคิดของเขา ในขณะที่คู่แข่งรุ่นเก่าแค่ปราศรัยในจุดใหญ่ ๆ ในเมืองเท่านั้น
* ด้วยความจริงใจที่จะทำงานให้สังคม และด้วยความเพียรพยายามเดินไปเคาะประตูบ้านทุก ๆ บ้าน ทำให้เคนเนดี้ได้เป็นส.ส.สมัยแรกตั้งแต่อายุเพียง 29 ปี และชนะคู่แข่งรุ่นเก่าอย่างถล่มทลายขาดลอย
* ต่อมาเคนเนดี้ก็ตัดสินใจเดินหน้าทางการเมืองไปอีกขั้น และได้รับเลือกเป็นวุฒิสมาชิก ช่วงนั้นอาการเจ็บหลังของเขากำเริบหนัก หมอต้องผ่าตัดด่วนเพื่อดามเหล็กที่หลังเขา อาการเขาเข้าขั้นโคม่าจนพ่อแม่และภรรยาของเขาถูกเรียกไปข้างเตียงคนไข้อย่างด่วนถึง 2 ครั้งเพราะหมอคิดว่าจะสิ้นใจ แต่ด้วยเลือดนักสู้ เขาก็ฟื้นตัวกลับขึ้นมาอีกครั้ง
* ต่อมาเคนเนดี้ต้องเข้าผ่าตัดหลังอีกครั้ง คราวนี้ต้องพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาลเป็นเวลาหลายเดือน แต่เคนเนดี้ไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ เขาขอให้ผู้ช่วยเขาคัดหนังสือจากห้องสมุดของสภาคองเกรสมาให้เขาที่โรงพยาบาล
* จากนั้นเคนเนดี้ได้นอนอ่านค้นคว้า แลนะนอนเขียนหนังสืออยู่บนเตียง จนออกมาเป็นหนังสือชื่อ Profiles in Courage ซึ่งเป็นเรื่องของวุฒิสมาชิกในอดีตของอเมริกาที่กล้าหาญเอาอนาคตทางการเมืองของตนเป็นเดิมพันในการต่อสู้ในสิ่งที่ตนเองเชื่อมั่น
* หนังสือเล่มนี้ขายดีมากและได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ ซึ่งเป็นรางวัลอันทรงเกียรติที่สุดสำหรับคนทำงานด้านสื่อและวรรณกรรมของสหรัฐ
* เคนเนดี้เป็นวุฒิสมาชิกที่ไม่อยู่เฉย เขาขยันออกเดินทางพบประชาชนและแสดงสุนทรพจน์ตลอดเวลา และยังให้สัมภาษณ์สื่อต่าง ๆ อยู่เสมอเพื่อให้ประชาชนได้รู้จักวิธีคิดวิธีทำงานของเขา จึงทำให้เขาเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางไปทั่วสหรัฐอเมริกา
* เมื่อเขาได้รับการเลือกตั้งให้เป็นวุฒิสมาชิกอีกครั้ง เขาชนะด้วยคะแนนถล่มทลายชนิดที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวิศาสตร์ เขาจึงได้รับการประกาศชื่อให้เข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในเดือนมกราคม พ.ศ. 2503
* ด้วยความเป็นนักอ่านตัวยงของเคนเนดี้ที่สั่งสมมาตั้งแต่เด็กจนโต ทำให้เขาเก็บข้อมูลต่าง ๆ เอาไว้มากมาย ดังนั้นเวลาเขาพูดแสดงความคิดเห็นเรื่องอะไรก็จะมีเหตุผล มีข้อเท็จจริง มีตัวอย่างประกอบ ซึ่งทำให้น่าเชื่อถือเสมอ นอกจากนี้การอ่านหนังสือมากทำให้เขามีทั้งไหวพริบปฏิภาณและอารมณ์ขันชนะใจผู้ฟังอีกด้วย
* แม้แต่หนังสือพิมพ์ในต่างประเทศ เช่น ลอนดอนไทม์ ก็เคยยกย่องทักษะการปราศรัยของเคนเนดี้ไว้ว่า “บางประโยคในถ้อยคำของเคนเนดี้ มีท่วงทำนองที่ไพเราะ คล้ายโวหารของลินคอล์น”
* ถึงแม้คนที่ไม่เห็นด้วยกับเคนเนดี้จะมองว่าเขายังอายุน้อยและไม่เคยมีประสบการณ์สำคัญ ๆ ทางการเมือง เช่น ไม่เคยเป็นผู้ว่าการมลรัฐใหญ่ ๆ ไม่เคยเป็นรัฐมนตรี ไม่เคยเป็นนายพล ดูเหมือนเป็นเพียงหนุ่มรูปหล่อฐานะดีคนหนึ่ง แต่ในความเป็นจริงแล้วเคนเนดี้เป็นคนที่จริงจังต่อชีวิตมาก ชีวิตเขามีแต่งาน การเล่นอย่างเดียวของเขาคือการออกกำลังกาย เล่นกีฬา
* ความสุขของเคนเนดี้ไม่ใช่การออกงานสังคม แต่คือการได้นั่งอยู่บนเตียงแล้วอ่านหนังสือ เขาชอบอ่านหนังสือแนวชีวประวัติมากที่สุด เวลาเขาสนใจเรื่องใด เขาจะมุ่งศึกษาเรื่องนั้นอย่างลึกซึ้ง
* นอกจากการอ่านมากแล้วเคนเนดี้ยังเป็นคนที่จำแม่นมากด้วย สามารถจำรายละเอียดของเรื่องราวที่ได้อ่านมานานหลายเดือนแล้วได้ ทำให้เพื่อน ๆ และผู้ช่วยเขาต้องงงไปหมดเพราะพวกเขาลืมไปหมดแล้ว
* ในการโต้วาทีในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีกับริชาร์ด นิกสัน นั้นเคนเนดี้นอกจากจะดูหน้าตาสดชื่นแจ่มใสกว่าแล้ว ยังมีทรรศนะที่เฉียบแหลม เป็นเหตุเป็นผลน่าเชื่อถือมากกว่าด้วย
* ในที่สุด ในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2503 จอห์น เอฟ. เคนเนดี้ ก็ชนะการเลือกตั้ง ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีคนที่ 35 ของอเมริกาในวัยเพียง 43 ปี
* ในการกล่าวในสุนทรพจน์เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี เคนเนดี้ได้กล่าววรรคทองวรรคหนึ่งไว้ว่า “...จงอย่าถามว่าประเทศชาติจะให้อะไรแก่ท่าน แต่จงถามตัวท่านเองว่าท่านจะทำอะไรให้ประเทศชาติได้บ้าง..” (สามารถชมคลิปสุนทรพจน์นี้ได้ใน YouTube)
* เคนเนดี้เป็นคนมีจิตใจอ่อนโยนมีเมตตากับลูกน้อง ครั้งหนึ่งเขาเคยเห็นทหารยามประจำการที่ทำเนียบขาวยืนหนาวสั่นอยู่ในตอนกลางคืน เขาจึงไปเรียกให้เข้ามาข้างใน แต่ทหารบอกว่าทำไม่ได้เพราะประจำการอยู่ เคนเนดี้จึงชงช้อคโกแลตร้อนเอาไปให้ทหารทั้งสองแล้วนั่งคุยอยู่กับพวกเขาด้านนอกจนถึงเช้า
* เคนเนดี้เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชน โดยให้ความสำคัญกับคนผิวสี (คนอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน) สิ่งนี้ทำให้คนผิวขาวหัวรุนแรงไม่พอใจ
* เคนเนดี้ถูกลอบสังหารที่เท็กซัสโดยฆาตรกรที่นิยมลัทธิคอมมิวนิสต์ แต่สาเหตุการฆาตรกรรมที่แท้จริงยังคงเป็นปริศนาถึงทุกวันนี้เพราะฆาตรกรถูกคนลอบยิงเสียชีวิตหลังจากถูกจับเพียง 2 วัน
* เคนเนดี้เกิดในครอบครัวนักธุรกิจที่มั่งคั่งมั่นคง เพียบพร้อมทุกอย่าง เขาสามารถที่จะใช้ชีวิตอย่างหนุ่มเจ้าสำราญไปวัน ๆ อย่างฟุ้งเฟ้อในสังคมก็ได้ แต่เขาเลือกที่จะเข้ามารับงานหนักเพื่อประเทศชาติเพราะจิตสำนึกที่อยากรับใช้ประชาชน
* เคนเนดี้ เป็นหนึ่งในประธานาธิบดีที่คนอเมริกันรักมากที่สุด ตราบจนทุกวันนี้
==ข้อคิดที่ได้จากหนังสือเล่มนี้==
* ใจที่มุ่งมั่นที่จะทำอะไรเพื่อผู้อื่น และความบากบั่นพากเพียรเอาชนะอุปสรรคนานาประการที่ตนเองมีด้วยความทุ่มเทและอดทนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนประสบความสำเร็จ
* นิสัยรักการอ่านมีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างภาวะผู้นำ ไม่เฉพาะด้านความรู้และปฎิภาณไหวพริบ แต่ยังรวมไปถึงการเอาใจเขามาใส่ใจเรา หรือการมี EQ ที่ดีด้วย
หนังสือชื่อ “จอห์น เอฟ. เคนเนดี” โดย มัณฑิรา สำนักพิมพ์แสงดาว พ.ศ. 2558 216 หน้า ราคา 150 บาท มีจำหน่ายที่ร้านหนังสือชั้นนำและเวบไซต์ร้านหนังสือทั่วไป 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น