วันอังคารที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” เล่มที่ 455 วันนี้ จะมาคุยถึงหนังสือ ชื่อ “จอร์จ วอชิงตัน”

อยากส่งเสริมให้ลูกหลานรักการอ่านหนังสือ เริ่มที่หนังสือแบบใดดี
โดยเฉพาะในยุคที่หนังสือเล่มต้องแข่งขันกับอุปกรณ์อีเล็คโทรนิคส์ต่าง ๆ
ครูได้รับคำถามนี้จากคุณพ่อคุณแม่จำนวนมากมาย โดยเฉพาะในช่วงโครงการ “อ่านเพื่อชาติ” 20 พ.ค. 2558 – 20 พ.ค. 2559 ที่ครูอ่านและรีวิวหนังสือติดต่อกันทุกวัน 365 เล่ม
ถ้าลูกหลานชอบอ่านแนวใด ก็ให้สนับสนุนเขา แต่ถ้าเขายังไม่เจอแนวที่เขาชอบ ครูขอแนะนำหนังสือแนวประวัติบุคคลสำคัญในอดีต
เพราะนอกจากจะเปิดโลกทัศน์ให้เด็กและวัยรุ่นแล้ว ยังจะสร้างแรงบันดาลใจให้พวกเขาได้ด้วย
และเพื่อให้หนังสือสามารถดึงความสนใจเด็กรุ่นใหม่ได้ต่อเนื่อง ก็ควรจะเป็นหนังสือที่ซอยเป็นบทย่อยที่แต่ละบทไม่ยาวนัก จะให้ความรู้สึกเหมือนกำลังอ่านบทความดี ๆ สักบทหนึ่งในโซเชียล มีเดีย
บังเอิญครูเพิ่งไปเจอหนังสือชุดที่มีลักษณะดังกล่าวมา จึงขอทยอยนำมารีวิวให้คุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายสลับกันไปกับแนวอื่น ๆ จะไว้อ่านเองก็ได้ ให้ลูกหลานอ่านก็ดี

=ภาพรวม=
หนังสือเล่มบาง ๆ อ่านวันเดียวจบได้เล่มนี้ เป็นเรื่องราวของจอร์จ วอชิงตัน ประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐอเมริกา โดยเล่าถึงเส้นทางการก้าวขึ้นสู่การเป็นประธานาธิบดีของ “ลูกชาวไร่” คนหนึ่ง
อ่านแล้วจะเห็นภาพว่า การที่เด็กคนหนึ่งจะเติบโตขึ้นเป็นผู้นำประเทศได้ต้องผ่านการฝึกฝนตนเองมาอย่างไรบ้าง ผู้นำที่ดีควรเป็นอย่างไร นอกจากนี้ หนังสือเล่มนี้ยังจะทำให้ตระหนักในภัยของสงคราม ซึ่งล้วนแต่นำมาซึ่งความสูญเสียของทุก ๆ ฝ่าย
=น่าสนใจจากในเล่ม=
* เรื่องเล่าที่ชาวอเมริกันนิยมเล่าให้ลูกหลานฟัง คือเรื่องความซื่อสัตย์ของเด็กชายจอร์จ วอชิงตัน ที่ยอมรับผิดกับพ่ออย่างกล้าหาญว่า ได้ใช้ขวานเล่มใหม่ฟันต้นเชอร์รี่ต้นโปรดของพ่อไปเพราะอยากทดสอบความคมของขวาน (ตอนแรกฟันต้นอื่น ๆ ไปแต่เผลอไปฟันต้นโปรดของพ่อเข้า)
* เมื่อพ่อของเด็กชายจอร์จได้ยินลูกชายยอมรับผิดด้วยความซื่อสัตย์ ก็กล่าวชมลูกชาย บอกว่าความซื่อสัตย์นี้มีความสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด เด็กชายจอร์จจึงยึดมั่นในคุณธรรมความซื่อสัตย์และกล้าหาญนี้ตลอดมา
* เด็กชายจอร์จได้เริ่มรับการศึกษาเบื้องต้นจากพ่อและพี่ชายต่างมารดาตั้งแต่ 6 ขวบ จนอ่านออกเขียนได้ และคิดเลขเป็น และมีทหารอาวุโสคนหนึ่งมาสอนวิชาทหาร การยิงปืน ฟันดาบ ขี่ม้า และกลยุทธต่าง ๆ ให้เขาตั้งแต่เด็กอีกด้วย
* เด็กชายจอร์จฉายแววภาวะผู้นำตั้งแต่เด็ก โดยสามารถปราบม้าพยศที่ไม่มีใครเอาอยู่ได้ตั้งแต่ตนเองอายุยังน้อย เป็นที่กล่าวว่า เขามีศิลปะแห่งการบังคับบัญชา รู้จักม้า เข้าใจม้า สื่อสารกับม้าได้
* เมื่ออายุได้ 15 ปี จอร์จได้ไปอาศัยอยู่กับพี่ชาย และถึงแม้จะอยู่ในวัยรุ่น เขาก็ไม่มีนิสัยที่จะเที่ยวเตร่เฮฮาเหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไป มีแต่คิดจะทำงานอย่างเดียว โดยขยันฝึกฝนตนเองในการสำรวจที่ดิน และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้สำรวจรังวัดที่ดินตั้งแต่อายุเพียง 17 ปี
* หลังจากบิดาของจอร์จเสียชีวิต พี่ชายก็เข้ามาทำหน้าที่ดูแลเขาต่อ และคิดจะส่งเขาไปเรียนที่อังกฤษ แต่ลอร์ดแฟร์แฟกซ์ ผู้ใหญ่ที่เป็นที่นับถือของตระกูลได้บอกว่า อังกฤษในช่วงนั้นมีแต่แหล่งการพนันและอบายมุขเต็มไปหมด และจอร์จเองก็ได้ฝึกฝนบ่มเพาะนิสัยตนเองโดยเฉพาะการมีวินัยได้ดีแล้ว จอร์จจึงไม่ได้ไปเรียนต่อ
* แต่กระนั้นก็ดี จอร์จเป็นผู้ใฝ่รู้ หมั่นไขว่คว้าหาหนังสือมาอ่านอยู่เป็นประจำ จนได้ชื่อว่าเป็นนักอ่านหนังสือตัวยงคนหนึ่ง
* หลังจากใช้ชีวิตทำนา ทำไร่ และปศุสัตว์ บนที่ดินที่ได้รับมอบมา พี่ชายก็ได้สนับสนุนให้จอร์จไปสมัครเป็นทหาร
* ในชีวิตการเป็นทหารของเขา จอร์จได้ร่วมรบในหลายสมรภูมิ ทั้งกับอังกฤษและฝรั่งเศล และต้องอ่านหนังสือตำรับตำราทางทหารเป็นจำนวนมาก เพื่อจะนำความรู้มาใช้พัฒนาตนเอง
* ด้วยความขยัน มุมานะในการเป็นทหาร จอร์จจึงได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้กล้าหาญของกองทัพ และได้เลื่อนยศเป็นพันโทในขณะอายุได้เพียง 22 ปี
* จากการหมั่นร่ำเรียนกลยุทธทางทหาร ทำให้จอร์จมีชัยชนะในสมรภูมิสำคัญหลายครั้ง และได้เป็นนายพลจัตวาตั้งแต่อายุเพียง 25 ปี และได้รับการยกย่องให้เป็นวีรบุรุษ
* ในด้านชีวิตส่วนตัว จอร์จแต่งงานกับหญิงหม้ายลูกติดคนหนึ่ง ผู้สนับสนุนให้เขาได้ทำตามฝัน ครอบครัวทั้งสองคนเป็นเจ้าของไร่พื้นที่จำนวนมาก จึงกล่าวได้ว่ามีฐานะที่ไม่ลำบากเดือดร้อน
* ในยุคนั้น อังกฤษได้รับความสูญเสียจำนวนมากจากการทำสงครามกับฝรั่งเศส จึงคิดกอบกู้เศรษฐกิจของตนด้วยการขึ้นภาษีสินค้าหลายอย่าง และรีดเงินตราเอากับชาวอาณานิคมอเมริกัน ชาวอเมริกันไม่ยอม จึงเกิดกรณีพิพาทกันขึ้น
* ในที่สุดชาวอเมริกันก็รวมตัวขึ้นตั้งกองทัพ จอร์จ วอชิงตันได้ติดยศเป็นพลตรี และได้ประกาศสู้ตายว่า “จะไม่ยอมจำนนต่ออังกฤษอย่างเด็ดขาด”
* ในยุคแรก ๆ นอกจากการฝึกทหารอาสาชาวอเมริกันให้มีทักษะทางทหารแล้ว จอร์จต้องออกใช้จ่ายในการเลี้ยงดูทหารด้วยตนเองด้วย
* ด้วยความทุ่มเททุก ๆ ด้านของจอร์จ กองทหารอเมริกันที่ต้องสู้รบอย่างหนัก แพ้บ้าง ชนะบ้าง ก็สามารถเข้ายึดกรุงนิวยอร์กได้สำเร็จ และเป็นจุดเริ่มต้นของการประกาศอิสรภาพของอเมริกา ในวันที่ 4 ก.ค. ค.ศ. 1776
* หลังจากประกาศอิสรภาพแล้ว จอร์จก็ลาออกจากตำแหน่งแม่ทัพกลับไปอยู่ที่บ้านไร่ของเขากับครอบครัว เพื่อทำไร่ทำสวนและปศุสัตว์เหมือนที่ครอบครัวเขาทำมาแต่เดิม
* สี่ปีต่อมา จอร์จได้รับเชิญให้มาร่วมร่างรัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกาที่เมืองฟิลาเดลเฟีย และอีกสองปีต่อมาก็ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐอเมริกา
(**หมายเหตุ** ในเล่มมีสุนทรพจน์ในการเข้ารับตำแหน่งทั้งสองสมัยของจอร์จ วอชิงตันฉบับเต็ม ซึ่งน่าศึกษาเป็นอย่างยิ่ง จะเห็นได้ชัดว่า แม้จะไม่เคยได้เข้าเรียนในระบบการศึกษาที่เป็นทางการใด ๆ แต่จอร์จ วอชิงตัน ก็เป็นผู้ทรงภูมิที่มีความคิดอ่านลึกซึ้งคนหนึ่ง ซึ่งมีที่มาจากนิสัยรักการอ่าน ใฝ่รู้ ใฝ่เรียนของเขานั่นเอง)
* “...ขอให้ทุกฝ่ายในรัฐบาลต่างอุทิศตนเพื่อจุดประสงค์สำคัญ คือ ความสุข ความเจริญ และความวัฒนาสถาพรของผืนดินเมืองบิดรมารดา ขอให้ทุกฝ่ายคำนึงถึงประเทศชาติมาก่อนความสุขส่วนตน...ประเทศชาติจะอยู่ไม่ได้ ถ้าพวกเราปล่อยปละละเลย...”
* “...ใครก็ตามถ้าไม่ได้ทำงานตามหน้าที่ และไม่คำนึงถึงผู้อื่น ผู้นั้นก็ไม่ได้คำนึงถึงสหรัฐอเมริกา...”
* ในการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีนั้น ทางรัฐสภาได้อนุมัติเงินเดือนให้ปีละ 25,000 ดอลล่าร์ ซึ่งเมื่อสองร้อยกว่าปีที่แล้วนั้นนับว่าเป็นจำนวนเงินที่สูงมาก แต่จอร์จมีฐานะดีอยู่แล้ว จึงปฏิเสธเงินเดือน โดยให้เหตุผลว่า การเป็นประธานาธิบดี เป็นการรับใช้บ้านเมืองอย่างไม่เห็นแก่ตัว จึงไม่ควรรับเงินเดือน
* อย่างไรก็ตาม ทางรัฐสภาได้ขอร้องให้เขายอมรับ เขาจึงต้องรับเงินเดือนดังกล่าว
* เมื่อเขาเป็นประธานาธิบดี รัฐมนตรีในรัฐบาลของเขาได้แบ่งเป็นสองพรรคการเมือง แต่จอร์จไม่เข้าสังกัดกับพรรคใด เพราะไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้ง
* ในการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในวาระที่สอง จอร์จได้ยึดมั่นในนโยบายเป็นกลาง ไม่เข้าไปก้าวก่ายหรือยุ่งเกี่ยวกับกรณีพิพาทของต่างประเทศ อีกทั้งพยายามรักษาความสัมพันธ์ทางการค้าไว้อย่างดี จนสร้างความมั่งคั่งให้สหรัฐอเมริกา
* จอร์จ วอชิงตัน ได้ปฏิเสธการเป็นประธานาธิบดีสมัยที่สาม ทำให้ประธานาธิบดีสมัยหลัง ๆ ถือปฏิบัติต่อ ๆ กันมาว่า ไม่ควรดำรงตำแหน่งเกินสองสมัย แต่จอร์จก็ยังรับใช้ชาติอยู่บางครั้งเมื่อมีกรณีพิพาทต่าง ๆ
* เขาสิ้นใจไปด้วยความสงบที่บ้านไร่ของเขา เมื่ออายุได้ 65 ปี
หนังสือชื่อ “จอร์จ วอชิงตัน” โดย มัณฑิรา สำนักพิมพ์แสงดาว 2558 144 หน้า ราคา 100 บาท มีจำหน่ายที่ร้านหนังสือชั้นนำและเวบไซต์ร้านหนังสือทั่วไป หรือที่เวบไซต์ www.saengdao.com
-----------------------------------------
คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” มีขึ้นเพื่อส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาตนเองและประเทศชาติ โดยผู้วิจารณ์เลือกอ่านเองโดยอิสระไม่ได้รับจ้างสำนักพิมพ์ใดมาเขียน
เพจ “ดร.ณัชร” เกิดขึ้นตั้งแต่ปี ๒๕๕๖ ด้วยความตั้งใจที่จะทำความดีถวายในหลวงร.๙

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น