วันอังคารที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” เล่มที่ 456 วันนี้ จะมาคุยถึงหนังสือ ชื่อ “7 คำวิเศษ หยิบมาใช้เมื่อไหร่ คนทำตามเมื่อนั้น”

ใคร ๆ ก็อยากมีพลังวิเศษ เพื่อดลบันดาลให้การงานและความรักสมปรารถนา
ถ้ามีคนบอกคุณว่า มีคำวิเศษอยู่ 7 คำ ที่ถ้าคุณใช้เป็น คุณ(น่า)จะสมหวัง(เป็นส่วนใหญ่)ล่ะ?


=ภาพรวม=
หนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นด้วยแนวคิดที่ว่า การสื่อสารเป็นหัวใจของความสัมพันธ์ทุกรูปแบบของมนุษย์
แบบสอบถามของฮาร์วาร์ด บิสซิเนส รีวิว ระบุว่า ความสามารถในการสื่อสารเป็น “คุณสมบัติสำคัญที่สุดสำหรับการเลื่อนขั้นขึ้นไปสู่ตำแหน่งผู้บริหาร”
ผู้เขียนได้นำเสนอผลวิจัยต่าง ๆ ตลอดจนประสบการณ์ตรงของผู้เขียนเพื่อชี้ให้เห็นว่า ถ้าคุณอยากให้คนอื่นร่วมมือกับคุณ ทำงานกับคุณด้วยดี คุณสามารถใช้พลังของ “คำวิเศษ” ทั้ง 7 คำในเล่มนี้ได้
=น่าสนใจจากในเล่ม=
* ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา มีงานวิจัยจำนวนมากพบว่า ผู้คนมีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจกันน้อยลง ในขณะเดียวกันก็สนใจแต่เรื่องของตัวเองมากขึ้น
* ทางแก้ทางหนึ่ง คือการทำให้มนุษย์รู้สึกเชื่อมโยงกันได้อย่างรวดเร็วขึ้น จุดเริ่มต้นหนึ่งคือ การเลือกใช้คำ
* เมื่อใดที่คุณพูดอะไรออกมา มันจะส่งผลกระทบต่อสมองของผู้ฟัง และต่อให้คุณเลือกที่จะไม่พูด ความเงียบก็ยังส่งผลต่อคนเหล่านั้นอยู่ดี เนื่องจากการสื่อสารของคุณจะเข้าไปเปลี่ยนแปลงสารเคมีในระบบประสาทของพวกเขา
* ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ คุณจะมีอิทธิพลต่อความคิด ความรู้สึก และการกระทำของคนอื่นอยู่เสมอ
* การสื่อสารในทางลบระหว่างกัน แม้จะเป็นทางภาษาร่างกาย เป็นตัวชี้วัดที่แม่นยำว่าคู่สามีภรรยาคู่ไหนจะไปรอด และคู่ไหนจะเลิก
* “คำตอบรับ” (อย่างเช่นคำว่า Yes ในภาษาอังกฤษ) มีผลมากต่อความสามารถในการทำสิ่งใดสำเร็จ แม้จะเป็นการตั้งคำถามกับตัวเองว่า “ฉันจะทำได้ไหม?” แล้วตอบเองว่า “ได้!” แนวโน้มที่จะทำได้สำเร็จจริง ๆ จะเพิ่มขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
* ถึงแม้คุณจะไม่ได้มั่นใจกับผลลัพธ์สักเท่าไหร่ ก็ให้พูดว่า “ทำได้” ไว้ก่อน เพราะสมองของคุณจะสร้างความเชื่อมโยงอันล้ำลึกเอาไว้ระหว่างคำว่า “ทำได้” กับความคิดแง่บวก การมองโลกในแง่ดี และความมั่นใจ
* แค่พูดว่า “ทำได้” ออกมา สมองของคุณก็จะนึกย้อนไปถึงตอนที่คุณเคยเอ่ยมันในอดีต ซึ่งมักจะมีเหตุการณ์ดี ๆ เกิดขึ้น
* คุณสามารถทำให้ความรู้สึกดี ๆ นี้เข้มข้นขึ้นได้ด้วยการดึงเอาร่างกายเข้ามามีส่วนร่วมด้วย ลองพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจและดังกว่าปกติเล็กน้อยดู พยักหน้าพร้อมกับยิ้มอย่างมั่นใจ แล้วคุณจะสัมผัสได้ว่าคุณมีความมั่นใจขึ้นจริง ๆ
* สมองส่วนที่ควบคุมอารมณ์ของเรานั้นไม่สามารถรับมือกับคำแง่ลบ (เช่น ไม่ อย่า ห้าม ฯลฯ) ได้ดีนัก คำปฏิเสธทั้งหลายจึงเลือนหายไปจากจิตใต้สำนึกอย่างดื้อ ๆ แล้วคุณจะทำตรงกันข้ามกับสิ่งที่ตั้งใจไว้อย่างสิ้นเชิง เช่น ถ้ามีคนบอกคุณว่า “ห้ามนึกถึงช้างตลอดสิบวินาทีข้างหน้านี้” เราก็จะมักจะนึกถึงแต่ช้างขึ้นมาอย่างห้ามไว้ไม่ได้
* หรือถ้าแพทย์บอกคุณว่า “ผมอยากให้คุณมาตรวจร่างกาย แต่ไม่ต้องกังวลไปนะครับ” คุณก็จะกังวลแน่ ๆ
(ถ้าอยากบอกคนให้ไม่กังวล ให้บอกว่า “ทำใจให้สบาย” แทน – ผู้วิจารณ์)
* สมองมนุษย์ถูกสร้างมาให้มี “อคติด้านลบ” โดยอัตโนมัติ คำวิจารณ์ในแง่ลบจึงส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของเราได้มากกว่าคำชม
* คนเราจะรู้สึกเจ็บปวดกับการเสียเงิน 5,000 ดอลล่าร์มากกว่ารู้สึกดีใจที่ได้เงินรางวัล 5,000 ดอลล่าร์ ดังนั้น เราจึงพยายามหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดมากกว่าที่จะไขว่คว้าหาความสุข
* บริษัท กูเกิลเองก็พยายามรักษาวัฒนธรรมของการตอบรับเอาไว้ โดยฝ่ายบริหารจะเปิดใจและให้โอกาสกับแนวคิดหรือโครงการสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ของพนักงาน แทนที่จะหาทางจับผิดหรือตอบปฏิเสธไปตั้งแต่ต้น
* ถ้ามีข้อความใดตามหลังคำว่า “แต่” ข้อความนั้นจะมีความสำคัญมากกว่าทุกข้อความก่อนหน้านั้นทั้งหมด ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่เราได้ยินคำว่า “แต่” เราจะลืมไปเลยว่าข้อความก่อนหน้านั้นคืออะไร
* เพราะเหตุใดคนที่เป็นอาสาสมัครหรือจิตอาสา ซึ่งไม่ได้รับค่าตอบแทน จึงมักทุ่มเททำงานอย่างสุดความสามารถ? คำตอบคือ เพราะเขาทำสิ่งนั้น ๆ ด้วยแรงจูงใจจากภายใน ทำจากอุดมการณ์ของตัวเอง หรืออยากบรรลุเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเอง
* เพียงใช้คำว่า “เพราะ” ก็สามารถเพิ่มยอดขายได้แล้ว เมื่อบริษัทแอปเปิลจะทำโฆษณา แทนที่เขาจะคอยบอกว่า ทำไมคุณจึงควรซื้อผลิตภัณฑ์ของพวกเขา เขาจะบอกคุณว่าทำไมพวกเขาถึงทำธุรกิจนั้น ๆ ขึ้นมา
* ผลที่ได้คือ ลูกค้าของแอปเปิล มีความจงรักภักดีต่อแบรนด์แบบสุด ๆ เพราะพวกเขาเชื่อมโยงตัวเองกับคำว่า “เพราะ” ของแอบเปิลนั่นเอง
* ความมหัศจรรย์เบื้องหลังคำว่า “ถ้า” ก็คือ คำคำนี้สามารถทำให้คนเราสร้างจินตนาการขึ้นมาได้ เช่น ถ้าคุณทำได้ คุณจะทำอย่างไร?
* คำว่า “ช่วย” ทำให้ผู้ฟังรู้สึกถึงการมีส่วนร่วมและก่อให้เกิดการพึ่งพาอาศัยกัน และจงใช้คำว่า “เรา” เมื่อจะเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากใคร
* งานวิจัยของนักจิตวิทยามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดพบว่า หัวหน้าที่กล่าวขอบคุณลูกน้อง ไม่เพียงทำให้ลูกน้องอยากทำงานด้วยเท่านั้น แต่ยังทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของพวกเขาพุ่งสูงจึ้นถึง 30% และมีระดับความคิดสร้างสรรค์เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า
* คนที่หมั่นขอบคุณ หรือเห็นถึงคุณค่าของสิ่งต่าง ๆ จะมีอายุยืนมากกว่าคนที่ไม่เห็นคุณค่าของสิ่งต่าง ๆ ถึง 7 ปี
* คนที่หมั่นมีความรู้สึกขอบคุณ จะมีความสุขกว่าคนอื่นถึง 25%
* คำว่า “ขอบคุณ” มีพลังมหัศจรรย์สำหรับคนที่ได้ฟัง เพราะมันทำให้เขารู้สึกว่าพวกเขาได้ทำประโยชน์ให้แก่คนอื่น ซึ่งเป็นความต้องการในส่วนลึกของมนุษย์เราทุกคน
* ทางออกสำหรับปัญหาที่สำคัญและเร่งด่วน คงต้องเริ่มจากการสานสัมพันธ์กันมากขึ้น โลกเราจึงจำเป็นต้องมีผู้นำที่สามารถใช้คำพูดสร้างแรงจูงใจ สร้างการมีส่วนร่วม สร้างอิทธิพล และสร้างแรงบันดาลใจได้
* โลกใบนี้จำเป็นต้องมีคนที่รู้วิธีใช้พลังของคำเพื่อผสานความแตกต่างของคนเราให้เชื่อมโยงเข้าหากันมากขึ้น
* ถ้าเราเก็บสะสมข้าวของไปเรื่อย ๆ สุดท้ายมันก็จะมีจำนวนมากเกินไป แต่สิ่งที่เก็บสะสมเท่าไหร่ก็ไม่มีวันมากเกินไปคือความสัมพันธ์อันดีระหว่างมนุษย์
หนังสือชื่อ “7 คำวิเศษ หยิบมาใช้เมื่อไหร่ คนทำตามเมื่อนั้น” โดย ทิม เดวิด แปลโดย พูนเลิศ อิฐฐ์ สำนักพิมพ์วีเลิร์น 243 หน้า ราคา 185 บาท มีจำหน่ายที่ร้านหนังสือชั้นนำและเวบไซต์ร้านหนังสือทั่วไป 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น