คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” เล่มที่ 132 วันนี้ จะมาคุยถึงหนังสือชื่อ “ยักษ์ล้ม” ค่ะ
=ภาพรวม=
ภายใน 1-2 ทศวรรษที่ผ่านมานี้ โลกได้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ มีบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งล้ม บางแห่งล้มแล้วล้มเลย บางแห่งล้มแล้วลุกได้ หนังสือเล่มนี้จะยกกรณีศึกษาของ 18 บริษัทมาวิเคราะห์ให้เห็นภาพ ไม่ว่าท่านจะทำงานในบริษัทใหญ่ระดับโลกหรือธุรกิจขนาดย่อม บทเรียนในเล่มนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับท่านมากค่ะ
=น่าสนใจจากในเล่ม=
* แจ็ค หม่า ตั้งเวบไซต์เถาเป่าขึ้นมาแล้วใช้เวลาเพียง 2 ปีทำให้อีเบย์ต้องถอนตัวจากตลาดประเทศจีนด้วยหมัดเด็ด 2 ขั้น คือ 1) ดึงผู้บริหารชาวญี่ปุ่นผู้ซึ่งร่วมมือกับยาฮูเอาชนะอีเบย์ในญี่ปุ่นได้มาร่วมงาน 2) ใช้ความเข้าใจวัฒนธรรมและวิถีคนจีนเรื่องการบอกปากต่อปากให้เป็นประโยชน์
นอกจากนี้ยังให้บริการเสริมส่งข้อความไปถึงผู้ขายบนเวบเถาเป่าฟรีทันทีที่มีลูกค้าติดต่อเข้ามาอีกด้ว อีเบย์พลาดที่ลำพองในความยิ่งใหญ่ของตนเองจึงประมาทคู่แข่ง และยึดติดกับกลยุทธแบบเดิม ๆ ทำให้แจ็ค หม่าอ่านทางขาดตั้งแต่ต้น และวางหมากสกัดกั้นได้หมด
* บริษัทผลิตพิมพ์ดีดระดับโลกอย่างโอลิมเปียความจริงก็มีแผนที่จะเข้าสู่ธุรกิจคอมพิวเตอร์กับผู้เล่นเจ้าอื่นด้วยตั้งแต่ทศวรรษที่ 1970 แต่ไม่ได้ทำตามแผนเพราะผู้บริหารส่วนใหญ่ไม่เปิดรับฟังความคิดเห็นจากทีมในบริษัท มัวแต่ยึดติดอยู่กับความยิ่งใหญ่ในอดีต และยังละเลยต่อลางบอกเหตุจากภายนอกเมื่อยอดขายพิมพ์ดีดไฟฟ้าต่ำกว่าคาดเป็นอย่างมากอีกด้วย
* “…ความฉลาดวัดได้จากความสามารถในการปรับตัว…” – อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
* ฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน เกือบเสียกลุ่มลูกค้าหลักไปเมื่อพยายามแตกไลน์ขายสินค้ายี่ห้อฮาร์เล่ย์มากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นน้ำหอม ไวน์คูลเลอร์ เนคไท แชมพู และ ครีมนวด หรือแม้แต่เสื้อผ้าของใช้สำหรับเด็กอ่อน โชคดีที่กลับตัวทัน
* บริษัทโกดัก ที่ตั้งขึ้นตั้งแต่ค.ศ. 1888 และได้รุ่งโรจน์เป็นอย่างมากในช่วงศตวรรษที่ 20 ต้องล้มละลายไปในปี 2012 เพราะผู้บริหารบริษัทลุ่มหลงกับความสำเร็จในอดีตจนไม่สามารถยอมรับความจริงได้ว่าบริษัทจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด
ที่น่าเจ็บใจที่สุดก็คือ โกดักเป็นบริษัทแรก ๆ ที่สามารถผลิตกล้องดิจิตอลได้ตั้งแต่ปีค.ศ. 1975 แต่กลับเก็บเข้ากรุเพราะกลัวว่าจะไปทำลายตลาดฟิล์มแบบม้วนของตนเอง
* โซนี่เคยผลิตเครื่องเล่นวีดิโอระบบเบต้าแมกซ์ซึ่งให้ภาพและเสียงชัดกว่าคู่แข่งคือวีเอชเอส แต่ต้องพ่ายแพ้ออกจากตลาดไปเพราะไม่เข้าใจว่าอะไรคือความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า
ด้วยความที่คุณภาพดีกว่าทำให้เทปเบต้าแมกซ์บันทึกภาพได้ครั้งละ 1 ชม. เท่านั้น ทำให้ผู้ที่อยากตั้งเวลาอัดรายการกีฬายาว ๆ ไว้กลับมาดูภายหลังทำไม่ได้ และผู้ที่จะดูภาพยนตร์ต้องลุกขึ้นเปลี่ยนม้วนวีดิโอถึง 2-3 ครั้งต่อภาพยนตร์ 1 เรื่อง ซึ่งระบบวีเอชเอสไม่มีปัญหาเหล่านี้
* ในเดือนกันยายน ปี 1997 เหลือเวลาอีกเพียง 2 เดือนแอปเปิลก็จะต้องกลายเป็นบริษัทล้มละลาย สตีฟ จอบส์ ยอมกลับมารับตำแหน่งซีอีโออีกครั้งและใช้วิธีคิดแบบเรียบง่ายเข้าไว้ เช่น ถ้าสินค้ามีเยอะเกินไปจนลูกค้าสับสนก็ต้องลดประเภทของสินค้าเสีย แล้วสนใจแต่สิ่งที่เราทำได้ดี เป็นต้น
* “…จงมีความกล้าหาญที่จะทำตามเสียงเรียกร้องในใจและสัญชาตญาณ เพราะนี่คือเสียงสะท้อนของตัวตนที่เราอยากจะเป็น เรื่องอื่นไม่ต้องไปสนใจ…” — สตีฟ จอบส์
* “…ถ้าคุณฝันถึงมันได้ คุณก็ทำให้มันเป็นจริงขึ้นมาได้…” — วอลต์ ดิสนีย์
หนังสือชื่อ “ยักษ์ล้ม” โดย เกียรติอนันต์ ล้วนแก้ว สำนักพิมพ์ปัณณ์บุ๊ก เมษายน 2558 142 หน้า ราคา 149 บาท
——————————————————————
เกร็ดน่ารู้:
* เด็กสิงคโปร์และเวียดนามอ่านหนังสือเล่มโดยเฉลี่ยปีละ 60 เล่ม/คน
* คนไทยถึง 40% ไม่อ่านหนังสือเล่มใด ๆ เลย
* แม้ในหมู่คนไทยที่อ่านหนังสือก็อ่านโดยเฉลี่ยเพียงปีละ 4 เล่ม/คน
คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” นี้ จึงมีขึ้นเพื่อส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาตนเองและประเทศชาติค่ะ
มาช่วยกันสร้างวัฒนธรรมการมอบหนังสือเป็นของขวัญในทุกโอกาสนะคะ
——————————————————————-
ขอเชิญติดตามหนังสือ ที่ให้บทเรียนดีๆเกี่ยวกับธุรกิจอย่าง “ยักษ์ล้ม” ได้ที่ https://goo.gl/bCldU7
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น