วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ทำไมควรอ่านหนังสือตอนเช้ามากกว่าตอนกลางคืน?


คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” เล่มที่ 143 วันนี้ จะมาคุยถึงหนังสือชื่อ “ฉลาดได้อีก” ค่ะ



=ภาพรวม=
หนังสือความรู้รอบตัวประกอบภาพการ์ตูนสีสวยสดทั้งเล่มนี้จะประมวลคำถามที่เด็กๆชอบถาม หรือแม้แต่คำถามที่ผู้ใหญ่อยากรู้เช่นกันมาตอบสั้นๆแบบเข้าใจง่าย ๆ ค่ะ
ในเล่มแบ่งหมวดหมู่ความรู้ไว้ 5 หมวดดังนี้ค่ะ  1) สัตว์โลกน่ารัก  2) พืชพันธุ์ธรรมชาติ  3) ความลี้ลับของร่างกายมนุษย์  4) ชนชาติและวัฒนธรรมท้องถิ่น  และ  5) สิ่งแวดล้อมและธรรมชาติ ค่ะ
=น่าสนใจจากในเล่ม=
*  หากหูม้าตั้งและกระดิกเล็กน้อย แสดงว่าม้าอารมณ์ดี แต่หากหูกระดิกไปด้านหน้าและหลังไม่หยุดนั่นแสดงว่ามันกำลังอารมณ์ไม่ดีแล้ว หากมันตื่นเต้นตกใจมันจะชูหัวขึ้นสูงและหูทั้งสองข้างจะตั้ง หากมันกลัวหูจะกระดิกไม่หยุด  เวลาดีใจหูจะลู่ไปข้างหลัง ถ้ามันเหนื่อยแล้วหูจะลู่ไปทางด้านหน้าหรือด้านข้าง
*  น้ำนมวัวเกิดขึ้นจากกระบวนการทางสรีรวิทยาที่ซับซ้อน และถูกควบคุมโดยระบบประสาทและสิ่งเร้าต่างๆจากสภาพแวดล้อมภายนอก เช่น การรับกลิ่น การมอง การได้ยิน หรือสัมผัส การเปิดเพลงเบาๆจะมีส่วนเสริมสร้างกระบวนการผลิตน้ำนม ทำให้วัวสามารถผลิตน้ำนมในปริมาณที่มากขึ้นได้
*  ต้นยางพาราสามารถผลิดน้ำยางออกมาได้ในปริมาณมาก ปริมาณและความเข้มข้นของน้ำยางจะค่อนข้างมากในช่วงอุณหภูมิ 19-25 เซลเซียส ดังนั้นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการกรีดยางจึงเป็นช่วงเช้ามืดนั่นเอง
*  ดอกราตรีมักจะหลบแดดในตอนกลางวัน แต่พอตกกลางคืนจะค่อยๆ ส่งกลิ่นหอมสดชื่นเพื่อผสมเกสร  ดอกไม้ทั่วไปจะผสมเกสรในช่วงกลางวันตามวิถีชีวิตของแมลง แต่ดอกราตรีจะอาศัยแมลงเม่าในการผสมเกสร มันจึงเลือกที่จะบานในตอนกลางคืน
*  การที่สมองรับรู้เรื่องราวต่างๆมากมายมาตลอดทั้งวันก็เหมือนกับกระดานดำที่ถูกเขียนจนเต็มไปด้วยสิ่งต่าง ๆ มากมาย  ซึ่งหากจะเขียนตัวอักษรลงไปอีกก็คงยากที่จะเห็นหรือจดจำได้แม่นยำ การนอนหลับพักผ่อนเป็นเหมือนการลบกระดานดำ ดังนั้นการอ่านหนังสือในช่วงเช้าจะทำให้สามารถจดจำสิ่งต่างๆได้ชัดเจนและแม่นยำที่สุด
*  ทำไมผู้สูงอายุถึงจำเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่ได้แต่จำเรื่องเก่าๆได้ดี? ที่เป็นเช่นนี้เพราะในช่วงวัยรุ่นคนเราจะมีเส้นประสาทที่แข็งแรง สมองก็มีความคล่องแคล่วว่องไว ดังนั้นจึงจดจำความประทับใจในเรื่องราวต่างๆได้อย่างลึกซึ้งมากและสามารถเก็บความทรงจำเหล่านั้นได้ยาวนาน เพราะฉะนั้นในช่วงวัยรุ่นพวกเราควรตั้งใจเรียนและใช้เวลาในช่วงชีวิตนั้นให้คุ้มค่า
*  โดยเฉลี่ย 2-8 วินาที เราจะกะพริบตา 1 ครั้ง การกะพริบตาเป็นการตอบสนองแบบอัตโนมัติเพื่อปกป้องดวงตาจากสิ่งสกปรกต่างๆ หรือแม้แต่จากแสงที่จ้าผิดปกติ และยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับดวงตา และในบางครั้งก็ยังช่วยให้เรามองเห็นได้ชัดเจนขึ้นอีกด้วย
*  เดิมกิมจินั้นไม่เผ็ด แต่ในศตวรรษที่ 17 หลังจากที่ญี่ปุ่นได้เข้ามารุกรานเกาหลี ก็ได้นำพริกเข้ามาในประเทศด้วย  ทำให้หลังจากนั้นเป็นต้นมา กิมจิที่เคยมีแต่รสเค็มก็มีรสเผ็ดด้วยและมีสีแดง
หนังสือชื่อ “ฉลาดได้อีก” โดย จือ สุ่ย จิง แปลโดย อุรณา บัณฑิตย์ดำรงกูล สำนักพิมพ์เบรนจีเนียส  152 หน้า  ราคา 185 บาท
——————————————————————
เกร็ดน่ารู้:
*  เด็กสิงคโปร์และเวียดนามอ่านหนังสือเล่มโดยเฉลี่ยปีละ 60 เล่ม/คน
*  คนไทยถึง 40% ไม่อ่านหนังสือเล่มใด ๆ เลย
*  แม้ในหมู่คนไทยที่อ่านหนังสือก็อ่านโดยเฉลี่ยเพียงปีละ 4 เล่ม/คน
คอลัมน์  “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” นี้ จึงมีขึ้นเพื่อส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาตนเองและประเทศชาติค่ะ
มาช่วยกันสร้างวัฒนธรรมการมอบหนังสือเป็นของขวัญในทุกโอกาสนะคะ
——————————————————————-
ขอเชิญติดตามหนังสือ“ฉลาดได้อีก”ได้ที่ https://goo.gl/DIQwir

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น