คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” เล่มที่ 129 วันนี้ จะมาคุยถึงหนังสือชื่อ “คนแพ้มองแต่ปัญหา คนชนะมองหาทางออก” ค่ะ
=ภาพรวม=
หนังสือเล่มนี้นำเสนอคุณลักษณะที่มนุษย์เงินเดือนและผู้นำองค์กรที่ประสบความสำเร็จมีหรือควรมีค่ะ โดยมีการยกตัวอย่างกรณีศึกษาที่น่าสนใจของหลายองค์กรมาสอดแทรกเป็นระยะ ๆ ส่วนตัวแล้วผู้วิจารณ์รู้สึกว่าผู้เขียนเขียนในส่วนของคุณลักษณะต่าง ๆ ยาวเกินไปและวกไปวนมาค่ะ ส่งผลให้หนังสือเล่มนี้ออกมาค่อนข้างหนาเกินความจำเป็น ถ้าผู้เขียนมีกองบรรณาธิการที่ดีกว่านี้ก็น่าจะสามารถนำเสนอได้กระชับและน่าสนใจกว่านี้มาก อย่างไรก็ตาม ส่วนที่น่าสนใจของหนังสือเล่มนี้อยู่ที่ผู้เขียนทำการบ้านเรื่องกรณีศึกษาต่าง ๆ มาดีค่ะ ดังนั้นผู้วิจารณ์ขอแนะนำวิธีอ่านให้อ่านแบบกวาดตาผ่าน ๆ ในส่วนบรรยายคุณลักษณะที่เยิ่นเย้อแล้วคอยมองหากรณีศึกษาที่แทรกอยู่เป็นระยะ ๆ แทนนะคะ
กรณีศึกษาที่น่าสนใจที่สุดซึ่งผู้เขียนสอดแทรกเป็นระยะ ๆ ตลอดทั้งเล่มคือการที่เทพการบริหารของญี่ปุ่น ท่านประธาน คะสึโอะ อินาโมริ แห่ง JAL ได้พลิกชะตาของบริษัทจากหน้ามือเป็นหลังมือนั่นเองค่ะ ท่านที่ชื่นชอบหนังสือ “ช้าให้ชนะ” ที่ผู้วิจารณ์เพิ่งเขียนถึงไปก็จะได้ทราบจากเล่มนี้ล่ะค่ะว่าท่านทำได้อย่างไร
=น่าสนใจจากในเล่ม=
* มรสุมเศรษฐกิจโลกส่งผลให้หลายบริษัททั่วโลกประสบภาวะวิกฤติ บางบริษัทถึงกับล้มไม่เป็นท่า เช่น โซนี่ โนเกีย นินเทนโด และ โกดัก แต่ก็มีบางบริษัทที่รอดมาได้ เช่น ฟูจิฟิล์ม
* บริษัทที่รอดนั้นรู้จักวิธีปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลงด้วยความคิดว่า “เราทำได้” และมี “จิตวิญญาณสุดพลัง” ตั้งแต่ผู้บริหารลงมาจนถึงพนักงานทุกระดับ
* สุภาษิตฟิลิปปินส์กล่าวไว้ว่า “คนที่ตั้งใจทำจะมองเห็นวิธี คนที่ไม่ตั้งใจทำจะมองเห็นข้อแก้ตัว”
* ฟูจิฟิล์มปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ และค้นพบว่า กระบวนการแปรสภาพของฟิล์มนั้นเหมือนกระบวนการแก่ชราของร่างกายอย่างมาก จึงใช้พื้นฐานความรู้นี้ก้าวเข้าสู่ธุรกิจเครื่องสำอางค์ และประสบความสำเร็จอย่างดีในการผลิตเครื่องสำอางค์ที่มีคุณสมบัติที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน
* ในขณะที่ฟูจิฟิล์มก้าวไปสู่ยุคใหม่อย่างภาคภูมิ บ.อีสต์แมนโกดักก็ประกาศล้มละลายในวันที่ 19 มกราคม 2012 ทั้งที่เคยครองตลาดส่วนใหญ่คือ 80% ของกล้องถ่ายรูปและ 90% ของตลาดฟิล์มในอเมริกา
* ทั้งนี้เพราะเมื่อมีการพัฒนากล้องดิจิตอลขึ้นมาครั้งแรกในปี 1975 นั้น โกดักคิดว่า “พวกเรายังมีเวลาอยู่” ในขณะที่แคนนอน นิคอน และ โอลิมปัส ต่างก้าวขึ้นไปเป็นผู้นำในตลาดกล้องดิจิตอลอย่างเงียบ ๆ
* องค์กรใดที่มัวหลงใหลอยู่กับความสำเร็จที่เกิดขึ้นแล้วไม่ทำอะไรต่อเลยก็จะค่อย ๆ ตายไปอย่างเงียบ ๆ ตัวอย่างที่เป็นบทเรียนเรื่องนี้ได้ดีคือ Japan Airlines ผู้เคยขึ้นอันดับสายการบินที่ดีที่สุดในโลกทางด้านการขนส่ง
* ในปี 2009 เมื่อ JAL ล้มละลาย รัฐบาลญี่ปุ่นจึงต้องพยายามหาผู้บริหารมาช่วย แต่ไม่มีใครมาช่วยเลยทางรัฐบาลจึงต้องไปขอให้นายคะสึโอะ อินาโมริ ประธานบริษัทเคียวเซร่ามาช่วย ถึงแม้ท่านจะอายุเกือบ 80 ปีแล้ว และท่านก็ยินดีช่วยโดยไม่รับเงินเดือนใด ๆ
* สาเหตุใหญ่ของการล้มละลายของ JAL คือ “ความคิด” ของคณะผู้บริหารและพนักงานระดับสูง และการไร้จิตวิญญาณการรับผิดชอบ การไร้การปฏิรูปอย่างต่อเนื่อง และการไร้ความคิดที่จะท้าทายโดยตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะเป็นที่หนึ่ง
* ดังนั้นสิ่งแรกที่ประธานอินาโมริทำเมื่อรับตำแหน่งคือการตั้งคณะกรรมการ “ปฏิรูปด้านความคิด” ซึ่งผู้บริหาร นักบิน และพนักงานต้อนรับบนเครื่องทุกคนต้องมีส่วนร่วม นอกจากนี้อินาโมริยังไปโค้งคำนับขอความร่วมมือจากพนักงานระดับล่างด้วยตนเองที่หน้างานอีกด้วย
* จากนั้นอินาโมริให้นักบินและพนักงานต้อนรับทุกคนช่วยทำความสะอาดเครื่องเมื่อบินเสร็จ เช่น เก็บหนังสือพิมพ์ เก็บแก้วและขวดเครื่องดื่ม และขยะที่ตกบนพื้น เพื่อลดความหยิ่งยโสโอหังที่มีต่อลูกค้าและให้รู้จักขอบคุณลูกค้า อีกทั้งปลูกฝังจิตสำนึกว่าต้องดูแลเพื่อนร่วมงาน รักงาน และทำเพื่อลูกค้าด้วยใจจริง
* ในที่สุดในเวลาเพียง 1 ปี กับ 2 เดือน อินาโมริก็สามารถชำระหนี้ของ JAL จำนวน 900,000 ล้านบาทได้หมด และกลายเป็นบริษัทที่สร้างผลกำไรสูงสุดในเวลาต่อมา อินาโมริกล่าวว่า “เมื่อผู้บริหารเปลี่ยนความคิด ผลงานก็จะเริ่มเกิด”
หนังสือชื่อ “คนแพ้มองแต่ปัญหา คนชนะมองหาทางออก” โดย คิมซองโฮ แปลโดย ภัททิรา จิตต์เกษม สำนักพิมพ์อมรินทร์ How-to มกราคม 2558 232 หน้า ราคา 195 บาท
——————————————————————
เกร็ดน่ารู้:
* เด็กสิงคโปร์และเวียดนามอ่านหนังสือเล่มโดยเฉลี่ยปีละ 60 เล่ม/คน
* คนไทยถึง 40% ไม่อ่านหนังสือเล่มใด ๆ เลย
* แม้ในหมู่คนไทยที่อ่านหนังสือก็อ่านโดยเฉลี่ยเพียงปีละ 4 เล่ม/คน
คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” นี้ จึงมีขึ้นเพื่อส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาตนเองและประเทศชาติค่ะ
มาช่วยกันสร้างวัฒนธรรมการมอบหนังสือเป็นของขวัญในทุกโอกาสนะคะ
——————————————————————-
ขอเชิญติดตามหนังสือ “คนแพ้มองแต่ปัญหา คนชนะมองหาทางออก” ได้ที่ https://goo.gl/mAkfYr
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น