คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” เล่มที่ 106 วันนี้ จะมาคุยถึงหนังสือชื่อ “คำถามวิเศษ เปิดประตูใจเด็กและพ่อแม่” ค่ะ
=ภาพรวม=
พลังของคำถามมีมากกว่าที่เราคิด นักจิตวิทยาและครูชาวญี่ปุ่น 2 คนผู้มากด้วยประสบการณ์ระดับประเทศร่วมกันเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่และคุณครู “ถามคำถามที่สร้างสรรค์” กับเด็กๆและกับตนเอง เพื่อที่จะได้เติบโตและเติมเต็มไปด้วยกันค่ะ ในเล่มแบ่งเป็น 5 บท ดังนี้ 1) คำถามที่สร้างนิสัยให้คิดแบบมองไปข้างหน้าอยู่เสมอ 2) คำถามที่กระตุ้นให้มีใจอยากจะทำ 3) คำถามที่ทำให้เป็น “เด็กที่มุ่งก้าวไปข้างหน้า” 4) คำถามที่จุดประกายความคิดให้กับเด็กๆและ 5) คำถามสำหรับให้พ่อแม่ถามตัวเองเพื่อพัฒนาลูก
=น่าสนใจจากในเล่ม=
* คำถามสามารถเปลี่ยนแปลงเด็กให้ดีขึ้นได้ แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถทำให้เด็กรู้สึกแย่ลงได้เช่นกัน
* หากถามคำถามในลักษณะซักไซ้หรือไต่สวน เด็กจะสูญเสียกำลังใจไปในทันที แต่ถ้าเป็นคำถามวิเศษ แววตาของเด็กก็จะเป็นประกายสว่างสดใสขึ้นมา
* ถ้าพ่อแม่ไม่รับฟังความคิดของลูก ต่อไปลูกก็จะไม่บอก ถ้าพ่อแม่ป้อนความคิดของตัวเองให้กับลูกมากเกินไป ลูกก็จะสูญเสียความเป็นตัวเองและขาดความมั่นใจ
* สิ่งสำคัญคือต้องรับฟังทุกคำตอบ ทุกคำตอบเป็นคำตอบที่ถูกต้อง แม้จะไม่มีคำตอบก็ไม่เป็นไร
* แต่ละวันเด็กย่อมทำอะไรผิดพลาดและท้อแท้บ้าง ลองถามลูกดูว่า “สิ่งที่ได้เรียนรู้จากเรื่องนี้คืออะไร?” จะทำให้เด็กรู้สึกว่าเป็นการเรียนรู้ โล่งใจ หายกังวล และเข้าใจว่าคนเราทำผิดพลาดกันได้
* การถามลูกว่า “วันนี้เจอเรื่องสนุกๆอะไรมาบ้าง?” จะทำให้เด็กมองโลกได้กว้างขึ้นและไม่คอยกังวลจดจ่ออยู่แต่เพียงกับสิ่งที่ทำผิดพลาดลงไป
* หากพ่อแม่ใช้คำพูดดีๆลูกก็จะได้รับอิทธิพลนี้ด้วย อย่าใช้คำพูดแบบโมโหและเหน็บแนมให้ลูกได้ยิน
* การถามว่า “เรียนสิ่งนี้ไปเพื่ออะไร?” จะช่วยให้เด็กได้ค้นหาความหมายและคุณค่าของการเรียนในแบบที่เป็นความคิดของตนเอง เมื่อเด็กได้คิดก็จะคิดได้ว่า “การเรียนคือสิ่งที่มีความหมาย มีคุณค่า” แล้วก็จะเริ่มค้นหาว่าความหมายและคุณค่าสำหรับตนเองคืออะไร
* ในการที่จะให้เด็กลองทำสิ่งใหม่ๆ ลองให้เด็กกำหนดเป้าหมายของตัวเองให้รู้สึกเหมือนเป็นการเล่นเกม เขาจะรู้สึกว่า สิ่งที่กำลังจะลองทำต้องเป็นเรื่องที่สนุกแน่ ๆ
* ฝึกให้ลูกสร้างภาพจินตนาการสนุกๆโดยให้นึกถึงตนเองใน 10-15 ปี ข้างหน้า แล้วให้เด็กพูดถึงตนเองในรูปปัจจุบันว่า “ตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่?” เช่น “ตอนนี้ผมกำลังเขียนการ์ตูนให้สำนักพิมพ์โชเนง จัมพ์ครับ”
* “สัปดาห์นี้มีอะไรที่เราจะทำได้บ้าง เพื่อให้ความฝันใกล้เป็นจริง?”
* ถ้าเป็นครู อาจลองถามเด็กตอนก่อนเริ่มต้นชั่วโมงว่า “หลังจากที่หมดชั่วโมงเรียนวิชานี้แล้ว อยากให้ผลออกมาเป็นอย่างไร?” คำถามนี้จะทำให้เด็กมีความตื่นตัวในการเรียนมากขึ้นเพราะความคิดจะเปลี่ยนไปจาก “ครูสอน” มาเป็น “ตัวเองเป็นฝ่ายเรียนรู้”
* ก่อนนอนให้ถามลูกว่า “อยากให้พรุ่งนี้เป็นวันแบบไหน?” มีการรับรองในเชิงวิทยาศาสตร์แล้วว่า ช่วงที่กำลังหลับ สมองจะคิดว่ากำลังสร้างภาพที่จินตนาการไว้ให้เป็นความจริงขึ้นมา เมื่อเด็กคิดได้ว่า “เราออกแบบวันพรุ่งนี้ได้ด้วยตนเอง” จะตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น กระปรี้กระเปร่า
* ตัวอักษรคันจิของภาษาญี่ปุ่นสำหรับคำว่า “โกรธ” (怒) ประกอบขึ้นมาด้วยตัวอักษร “ใจ” (心) และ “ทาส” (奴) แสดงให้เห็นว่าใจถูกอารมณ์ความรู้สึกเข้าครอบงำ จึงจำเป็นมากที่พ่อแม่ต้องหมั่นเฝ้าสังเกตความรู้สึกตนเองจนเข้าใจ (ฟังดูเหมือนหลักการเจริญสติในพระพุทธศาสนาเลยค่ะ) เพื่อจะได้รู้ว่าสิ่งที่อยากจะบอกลูกจริงๆคืออะไร จะได้ไม่ทำลายความรู้สึกลูกโดยไม่ตั้งใจ
* ให้พ่อแม่ลองเปลี่ยนจากความคิดที่ว่าเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องธรรมดา มาเป็นความรู้สึก “ขอบคุณ” เช่น “ขอบคุณที่ลูกสุขภาพแข็งแรง” “ขอบคุณที่ลูกยอมไปโรงเรียน” หรือ “ขอบคุณที่ลูกสอบได้คะแนนดี”
หนังสือชื่อ “คำถามวิเศษ เปิดประตูใจเด็กและพ่อแม่” แปลจาก Kodomo ga “yaruki” ni naru shitsumon ของ Mihiro Matsuda และ Masato Homma โดย ธิดารัตน์ ซาโต้ สำนักพิมพ์ส.ส.ท. มีนาคม 2555 176 หน้า ราคา 165 บาท
——————————————————————
เกร็ดน่ารู้:
* เด็กสิงคโปร์และเวียดนามอ่านหนังสือเล่มโดยเฉลี่ยปีละ 60 เล่ม/คน
* คนไทยถึง 40% ไม่อ่านหนังสือเล่มใด ๆ เลย
* แม้ในหมู่คนไทยที่อ่านหนังสือก็อ่านโดยเฉลี่ยเพียงปีละ 4 เล่ม/คน
คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” นี้ จึงมีขึ้นเพื่อส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาตนเองและประเทศชาติค่ะ
——————————————————————-
ขอเชิญมาร่วมเปิดประตูใจของเด็กๆได้ที่ https://goo.gl/HCxlDJ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น