วันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ทำไมจึงมีสารปรอทสูงในดินแถวสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้?


คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” เล่มที่ 121 วันนี้ จะมาคุยถึงหนังสือชื่อ “เอาชีวิตรอดในสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ 2”  ต่อจากเรื่องที่แล้วค่ะ



=ภาพรวม=
หนังสือการ์ตูนที่มีการสลับฉากเป็นระยะ ๆ ด้วยบทความสั้น ๆ และภาพถ่ายจริงแบบหนังสือเรียนประวัติศาสตร์นี้เป็นหนึ่งในซีรี่ส์การ์ตูน “เอาชีวิตรอดใน…(สถานที่ต่าง ๆ)” จากประเทศเกาหลีค่ะ
ในเล่มเป็นเรื่องราวของเด็กชายชาวเกาหลีชื่อมันจูและคุณพ่อนักโบราณคดีสมัครเล่นที่เดินทางไปยังประเทศจีนเพื่อไขปริศนาพระราชวังใต้ดินของจิ๋นซีฮ่องเต้ มีเด็กหญิงผิงผิงชาวจีนผู้รอบรู้ประวัติศาสตร์เป็นไกด์ให้ การดำเนินเรื่องคล้ายกับภาพยนตร์เรื่องอินเดียน่า โจนส์  ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ก็อ่านได้ค่ะ
เล่ม 1 เป็นการพูดถึงประวัติที่มาของการสร้างสุสานของจิ๋นซีฮ่องเต้  เล่ม 2 นี้จะเป็นการจินตนาการภาพพระราชวังใต้ดินภายในสุสานซึ่งเป็นที่ตั้งของโลงพระศพ  โดยอาศัยทั้งข้อมูลจากนักโบราณคดีและการค้นคว้ามาจากพงศาวดารต่าง ๆ ค่ะ
=น่าสนใจจากในเล่ม=
*  เดิมจีนโบราณมีประเพณีฝังคนทั้งเป็นจำนวนมากไปพร้อมกับผู้ตายที่เป็นผู้มีอำนาจสูงในสังคม  โดยเชื่อว่าจะได้ไปรับใช้ผู้ตายในโลกหน้า  ต่อมาภายหลังประเพณีนี้ได้ถูกยกเลิกไป และใช้หุ่นจำลองคนที่ทำจากไม้ ดิน หรือกระเบื้องแทน
*  นอกเหนือจากช่างศิลปะแล้ว จิ๋นซีฮ่องเต้ยังทรงเกณฑ์ประชาชนมาเป็นแรงงานในการก่อสร้างสุสานอีกกว่า 300,000 คน  หลายคนต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำจนเสียชีวิต  คาดว่ามีแรงงานเสียชีวิตกว่าแสนคน
*  อักษรจีนมีต้นกำเนิดมาจากอักษรภาพที่จารึกไว้บนกระดองเต่าหรือกระดูกสัตว์  เริ่มมีขึ้นในสมัยราชวงศ์ซาง หรือ 1,600 ปี – 1,046 ปี ก่อนคริสต์ศักราช
*  หลังจากจิ๋นซีรวมรัฐต่าง ๆ เป็นจักรวรรดิจีนแล้ว  ทรงสั่งให้อัครเสนาบดีหลี่ซือประดิษฐ์ตัวอักษรให้ใช้เหมือนกันทั้งประเทศ  นอกจากนี้ยังกำหนดมาตราชั่งตวงวัด หน่วยเงิน และขนาดของล้อรถม้าให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศด้วย
*  ในช่วงปีค.ศ. 1930 จีนมีอัตราคนไม่รู้หนังสือสูงถึง 80%  อาจเป็นเพราะอักษรจีนมีความยุ่งยากซับซ้อน  รัฐบาลจีนจึงนำอักษรกว่า 2,000 ตัวมาแก้ไขให้เขียนง่ายขึ้น  อัตราคนไม่รู้หนังสือจึงเหลือเพียง 15.9% เท่านั้น  แต่ข้อเสียคือผู้ที่รู้แต่เพียงอักษรย่อนี้จะอ่านตัวอักษรจีนโบราณไม่ได้
*  มีบันทึกประวัติศาสตร์ของการที่ขโมยพยายามลอบเข้าไปหาสมบัติในสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ในสมัยช่วงราชวงศ์ถัง  (ค.ศ. 618- 907)  ผู้ที่รอดมาได้เล่าว่าในสุสานมีค่ายกลมากมาย เช่น เมื่อเปิดประตูหินหน้าสุสานออกก็จะมีธนูพุ่งออกมา  เมื่อถึงห้องเก็บพระศพก็มีทรายพุ่งออกมามากมายมาฝังพวกขโมยที่เข้าไปแล้วประตูก็ปิดลงเอง  ขโมยส่วนใหญ่ไม่รอดชีวิตกลับออกมา
*  แม้คิดจะขุดอุโมงค์เข้าไปในสุสานก็ไม่ใช่เรื่องง่าย  จิ๋นซีฮ่องเต้ได้วางแผนไว้อย่างรอบคอบ  ก่อนสร้างพระราชวังใต้ดินได้เทพื้นด้วยทองแดงหลอมเหลวก่อน 1 ชั้น
*  มีบันทึกว่าจิ๋นซีใช้สารปรอทสร้างขึ้นเป็นแม่น้ำและมหาสมุทรไว้รอบพระราชวังใต้ดินเพื่อขัดขวางผู้บุกรุก  เพราะหากสูดดมไอปรอมจะทำให้แขนขาชา หายใจลำบาก และเสียชีวิตในที่สุด
*  ที่สุสานหลวงเฉียนหลิงซึ่งอยู่ด้านนอกของเมืองซีอานเช่นเดียวกับนสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ มีการค้นพบหินสลักรูปนกกระจอกเทศ  เป็นการพิสูจน์ว่าจีนในยุคราชวงศ์ถังนั้นมีนกกระจอกเทศมาจากทวีปแอฟริกาแล้ว
*  มีการทดลองความคมของกระบี่สัมฤทธิ์ที่พบในหลุมฝังรูปปั้นทหารในสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ พบว่าแม้ในปัจจุบันนี้ยังสามารถตัดกระดาษซ้อนกัน 19 แผ่นขาดได้อย่างสบาย  กระบี่ไม่ขึ้นสนิมเพราะชุบสารโครเมียมออกไซด์ไว้หนา 10-15 ไมครอน  จีนค้นพบสารนี้มานานกว่า 2,000 ปีในขณะที่วิทยาศาสตร์ตะวันตกเพิ่งค้นพบเมื่อศตวรรษที่ 20 นี้เอง
หนังสือชื่อ “เอาชีวิตรอดในสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ 2” เขียนโดย Hong, Jaechol และ Ryu, Giun ภาพประกอบโดย Mun, Junghoo แปลโดย กัญญารัตน์ จิราสวัสดิ์ และ จิราวรรณ บุญสืบ   สำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่น พิมพ์ครั้งที่ 1  กันยายน 2557 208 หน้า  ราคา 165 บาท
——————————————————————
เกร็ดน่ารู้:
*  เด็กสิงคโปร์และเวียดนามอ่านหนังสือเล่มโดยเฉลี่ยปีละ 60 เล่ม/คน
*  คนไทยถึง 40% ไม่อ่านหนังสือเล่มใด ๆ เลย
*  แม้ในหมู่คนไทยที่อ่านหนังสือก็อ่านโดยเฉลี่ยเพียงปีละ 4 เล่ม/คน
คอลัมน์  “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” นี้ จึงมีขึ้นเพื่อส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาตนเองและประเทศชาติค่ะ
มาช่วยกันสร้างวัฒนธรรมการมอบหนังสือเป็นของขวัญในทุกโอกาสนะคะ
——————————————————————-
ขอเชิญติดตามหนังสือ เอาชีวิตรอดในสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ 2 ได้ที่ https://goo.gl/YoJeFn

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น