วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

จิตว่าง คืออะไร? จะเข้าถึงได้อย่างไร?


คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” เล่มที่ 168 วันนี้ จะมาคุยถึงหนังสือชื่อ “สู่จิตว่าง” ค่ะ



=ภาพรวม=
หนังสือเล่มบางเฉียบแต่อัดแน่นไปด้วยสาระดีๆนี้เป็นหนึ่งในซีรี่ส์หนังสือชุด “พุทธทาส ๑๐๐ ปี หนังสือดี ๑๐๐ เล่ม” ซึ่งเป็นการคัดธรรมบรรยายของท่านพุทธทาสภิกขุ 1 เรื่องมาจัดพิมพ์ขึ้น 1 เล่ม แต่เล่มนี้เป็นธรรมบรรยายที่ท่านพุทธทาสแสดงไว้ถึง 2 เรื่อง เมื่อวันที่ 3-4 กรกฎาคม 2505 ค่ะ
=น่าสนใจจากในเล่ม=
*  มีคนมาถามพระพุทธเจ้าว่า ในบรรดาคำสั่งสอนของพระองค์ทั้งหมดนั้น ถ้าจะสรุปให้สั้นเหลือเพียงประโยคเดียวได้หรือไม่? พระพุทธเจ้าตรัสตอบว่าได้ คือ “สิ่งทั้งหลายทั้งปวง ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น”
*  ความไม่ยึดมั่นถือมั่นก็คือเรื่อง นิพพาน นั่นเอง
*  แต่กระนั้นพระพุทธศาสนาก็เปิดกว้าง คือมีคำสอนหลายระดับ ใครใคร่จะได้ลาภ ก็จงได้ลาภ ใครใคร่จะได้บุญ ก็จงได้บุญ ใครใคร่จะนิพพาน ก็จงนิพพาน แต่หลักสำคัญอยู่ตรงที่ต้องรู้จักทำไม่ให้เป็นทุกข์ด้วยความไม่ยึดมั่นถือมั่น
*  พระพุทธองค์ทรงเคยเปรียบว่า สิ่งที่ตรัสรู้มีเท่ากับใบไม้ในป่า แต่สิ่งที่ทรงสอนมีเพียงใบไม้กำมือเดียว สรุปเหลือเพียงคำเดียวก็คือ ความดับทุกข์ ซึ่งจะต้องใช้วิธีไม่ยึดมั่นถือมั่นจึงจะทำความดับทุกข์ได้
*  เมื่อยึดมั่นถือมั่นเข้าทีไรก็เป็นทุกข์ทันที จิตสูญเสียความทรงตัวของมันเอง เป็นจิตวุ่น ไม่เป็นอิสระ
*  จิตว่าง คือ ประกอบอยู่ด้วยความจริง ประกอบอยู่ด้วยสติปัญญา
*  ถ้าไม่ยึดมั่นถือมั่นแล้ว มันเท่ากับว่าง จิตที่ไม่ยึดมั่นถือมั่นอะไรนั้นเป็นจิตว่าง เหมือนกับว่า มือของเราไม่ได้จับอะไรไว้ เราเรียกว่ามือเปล่า หรือ มือว่าง
*  จิตว่างนี้ไม่ใช่จิตที่นิ่งเงียบตัวแข็งเป็นหิน จิตที่ว่างตามความหมายอันถูกต้องแล้วเป็นจิตที่ว่องไวอย่างยิ่ง เฉลียวฉลาดแหลมคมอย่างยิ่ง ไม่ยึดมั่นถือมั่นเกาะเกี่ยวอะไรเลย  เพราะฉะนั้นจึงไม่มีทุกข์อย่างยิ่ง
*  เมื่อไม่ยึดมั่นถือมั่น ก็ไม่เห็นแก่ตน เมื่อไม่เห็นแก่ตน ก็ไม่มีทางที่จะผิดนับตั้งแต่ศีลเล็กๆน้อยๆขึ้นไป หรือแม้แต่ผิดมรรยาท
*  การมีสติไม่ยึดมั่นถือมั่น ก็คือความไม่ประมาท สติ แปลว่า ระลึกได้ ปัญญา แปลว่า รู้ทั่วถึง ปะ แปลว่า ทั่ว  ญา แปลว่า รู้
*  สติก็คือ ปัญญานั่นเอง แต่เป็นปัญญาที่มาในรูปฉับพลันกะทันหัน ทันควันต่อเหตุการณ์ ไม่ใช่มานั่งคิด นึกนึกตรึกตรอง  อย่างนั้นไม่เรียกว่าสติ
*  เช่น  มีปัญญาเข้าใจอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา และเมื่อความรู้ความเข้าใจนี้มากะทันหัน ป้องกันไม่ให้ไปยึดมั่นถือมั่นอะไรเข้า อย่างนี้เรียกว่า สติ
*  หลักปฏิบัติเพื่อจิตว่างหลักใหญ่ๆก็คือ  1) เมื่อมีอารมณ์มากระทบทางอายตนะทั้ง 6 เราต้องมีสติ  และ  2) เมื่ออยู่ตามปกตินั้น เราจะต้องอยู่ด้วยปัญญา
*  อารมณ์ในภาษาธรรมะหมายถึง สิ่งข้างนอกที่มากระทบใจ แปลว่าเป็นที่เกาะเกี่ยว  เช่น รูปก็ดี เสียงก็ดี กลิ่นรส ฯลฯ ก็ดี  มันเป็นที่ที่ใจจะไปเกาะเกี่ยว ไปหน่วงเอายึดเอาเป็นอารมณ์  มองดี ๆ แล้วโลกทั้งหมดนั่นแหละคืออารมณ์
*  เมื่อมีอารมณ์มากระทบอายตนะเรียกว่า ผัสสะ ทางที่ดีควรมีสติรับรู้ให้ดับไปตรงนั้น ถ้าไม่ทันมันจะเกิดเป็นเวทนา (ออกเสียงว่า เว-ทะ-นา) ภาษาธรรมะแปลว่า ความรู้สึกที่เกิดขึ้นหลังจากการกระทบ ถ้ากำหนดสติให้เวทนาดับไปไม่ได้ จะปรุงเป็นตัณหา อุปาทาน และ ทุกข์ในที่สุด
*  ในการทำการงานหรือกิจกรรมใดก็ตามก็ทำด้วยจิตว่างเสมอ เพราะจะได้ผลออกมาดี ไม่ว่าจะคิดเลข ตีเทนนิส ยิงธนู ฯลฯ  ถ้าทำด้วยจิตวุ่นแล้วจะพลาด  ถ้าทำงานด้วยจิตว่างได้จะมีความสุข
*  แม้แต่จะไปดูหนังในโรงหนัง ถ้ามีสติก็จะเห็นความยึดมั่นถือมั่นในเรื่องของหนังนั่นเอง ในครั้งพุทธกาลมีคนบรรลุมรรคผลในโรงละครก็ยังมี
หนังสือชื่อ “สู่จิตว่าง” โดย พุทธทาสภิกขุ สำนักพิมพ์สุขภาพใจ  สิงหาคม 2552   100 หน้า ราคา 50 บาท  
——————————————————————
เกร็ดน่ารู้:
*  เด็กสิงคโปร์และเวียดนามอ่านหนังสือเล่มโดยเฉลี่ยปีละ 60 เล่ม/คน
*  คนไทยถึง 40% ไม่อ่านหนังสือเล่มใด ๆ เลย
*  แม้ในหมู่คนไทยที่อ่านหนังสือก็อ่านโดยเฉลี่ยเพียงปีละ 4 เล่ม/คน
คอลัมน์  “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” นี้ จึงมีขึ้นเพื่อส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาตนเองและประเทศชาติค่ะ
มาช่วยกันสร้างวัฒนธรรมการมอบหนังสือเป็นของขวัญในทุกโอกาสนะคะ
——————————————————————-
ขอเชิญติดตามหนังสือ “สู่จิตว่าง” ได้ที่ https://goo.gl/xGWZXz

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น